[Daily Box Office] หนังทำเงินในไทย ประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน 2565 : Top Gun: Maverick ครองแชมป์ต่อ

ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับหนังแอ็กชั่นกลางเวหาภาคต่อ Top Gun: Maverick ที่ดูเหมือนว่ารายได้จะเริ่มติดลมบนไปแล้วจากกระแสปากต่อปากที่ดีเช่นกัน โดยทำเงินวันพฤหัสนี้ที่ทำไปอีก 3.1 ล้านบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรกเพียง 36% เท่านั้น น้อยที่สุดในกลุ่มหนังทำเงินวันแรกเกินหลักล้านในรอบปีนี้ แทนที่สถิติเดิมของ เทอมสอง สยองขวัญ ที่ 50% พอดี) ซึ่งเป็นรายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองสูงอันดับ 2 ของบ้านเราปีนี้ (ตามหลัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่ 5 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียว) และสูงเป็นอันดับ 5 ของบ้านเราในรอบสามปี (ตามหลัง อ้าย..คนหล่อลวง ที่ 3.8 ล้านบาท) ส่วรายได้รวมเก้าวัน ทำไปแล้วทั้งสิ้น 40.95 ล้านบาท ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 หนังทำเงินรวมสูงสุดของบ้านเรารอบปีนี้ (แซง One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ที่ 40.4 ล้านบาท)

อีกหนึ่งเรื่องที่ยังคงทำได้ดีเช่นกัน คือหนังซูเปอร์ฮีโร่ภาคต่อจากจักรวาล Marvel อย่าง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 5.2 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้วเพียง 24% เท่านั้น!!) ทำสถิติเป็นรายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่ห้าสูงที่สุดของบ้านเราในรอบเจ็ดปีเลยทีเดียว! (ทุบสถิติเดิมของ Avengers: Endgame ที่ 5 แสนบาทลงได้ในที่สุด และสูงที่สุดนับตั้งแต่ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ ที่ 7 แสนบาท) และทำเงินรวมหนึ่งเดือนเต็มไปแล้ว 216.14 ล้านบาท

ส่วนหนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา คือหนังระทึกขวัญ เอาชีวิตรอดจากฉลามโหดกลางทะเล อย่าง Shark Bait ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไปที่ 3.5 แสนบาท กลายเป็นหนังเกี่ยวกับฉลามทำเงินเปิดตัววันแรกสูงที่สุดของบ้านเราในรอบสามปีนี้เลยทีเดียว (หลังจากที่ 47 Meters Down: Uncaged เคยเปิดตัววันแรกเอาไว้ที่ 1.9 ล้านบาทเมื่อปี 2019 เป็นต้นมา)

ด้านหนังโรงภาคล่าสุดของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน อย่าง Detective Conan: The Bride of Halloween ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 3.4 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรกเกินครึ่งไม่มาก ที่ 58%) ซึ่งเป็นรายได้วันพฤหัสุดสัปดาห์ที่สองสูงที่สุดของหนังญี่ปุ่นที่มาเข้าฉายในบ้านเรารอบสองปีนี้ (แทนที่ My Hero Academia: World Heroes’ Mission ที่ 1.3 แสนบาท) และสูงเป็นอันดับ 3 ของหนังญี่ปุ่นที่มาเข้าฉายในบ้านเรารอบสามปีนี้ (ตามหลัง Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train และ Doraemon: Nobita’s New Dinosaur ที่ 1.1 ล้านและ 4 แสนบาท ตามลำดับ) ส่วนรายได้รวมเก้าวัน ทำไปแล้วทั้งสิ้น 7.92 ล้านบาท กระโดดขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 หนังเอเชียทำเงินรวมสูงสุดในบ้านเรารอบสองปีนี้ (แซง Stand by Me Doraemon 2 ที่ 6 ล้านบาท) และขยับเข้าใกล้ตำแหน่งหนังยอดนักสืบจิ๋วโคนันภาคที่ทำเงินสุงที่สุดตลอดกาลในบ้านเราเข้าไปทุกทีแล้ว (ล่าสุดขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 แซงภาค Zero the Enforcer ที่ 7.1 ล้านบาท)

นอกจากนั้นยังมีหนังใหม่อีก 5 เรื่องที่เข้าฉายต้อนรับวันหยุดยาวนี้ ประกอบไปด้วยหนังไทยแนวสยองขวัญสามตอนย่อย อย่าง ร้านของเก่า The Antique Shop ที่รวมทีมนักแสดงทั้งชาวไทยและจากหลายประเทศในแถบเอเชียเอาไว้อย่างคับคั่ง (หนึ่งในนั้นคือหนุ่มมีน พีรวิชญ์ ที่มีผลงานเข้าฉายในปีนี้เป็นเรื่องที่สอง ถัดจาก พี่นาค 3 เมื่อช่วงเดือนมีนาคม) ทำเงินเปิดตัววันแรกไปที่ 3.2 แสนบาท (เปิดตัววันแรกสูงเป็นอันดับ 11 ของหนังไทยที่เข้าฉายในรอบปีนี้)

หนังญี่ปุ่นเรียกน้ำตา อย่าง The Last 10 Years ผลงานเรื่องที่สองในปีนี้ของนางเอกสาว Nana Komatsu (ถัดจาก Moonlight Shadow เมื่อช่วงต้นปี) ดัดแปลงจากนิยายขายดีที่อิงจากชีวิตจริงของผู้แต่ง ที่เข้าฉายรอบพิเศษในบ้านเรามาแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำเงินวันพฤหัสแรกแบบเต็มวันไปที่ 3.2 แสนบาท ขึ้นแท่นเป็นหนังคนแสดงญี่ปุ่นทำเงินเปิดตัววันแรกสูงสุดของบ้านเราปีนี้ (แซง Cube ฉบับรีเมค ที่ 1.4 แสนบาท) และเป็นหนังคนแสดงญี่ปุ่นทำเงินเปิดตัววันแรกสูงสุด (ร่วม) ของบ้านเราในรอบห้าปีเลยทีเดียว (ร่วมกับ Kamen Rider Heisei Generations FOREVER ที่ 3.2 แสนบาทเท่ากัน และสูงสุดนับตั้งแต่ Tomorrow I Will Date with Yesterday’s You ผลงานอีกหนึ่งเรื่องของนางเอกสาว Nana Komatsu เคยทำเอาไว้เมื่อปี 2017 ที่ 3.4 แสนบาท) ส่วนรายได้รวมเจ็ดวัน (รวมรอบพิเศษก่อนหน้านี้) ทำไปแล้วทั้งสิ้น 6.1 แสนบาท

หนังโรงจากซีรีส์ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน อย่าง Ultra Galaxy Fight: The Destined Crossroad ซึ่งพิเศษกว่าหนังโรงอื่นๆ โดยเป็นการนำมินิซีรีส์ออนไลน์ภาคล่าสุดจากตระกูล Ultra Galaxy Fight ทั้งหมดสิบตอน มารวบเข้าเป็นเรื่องเดียวสำหรับเข้าฉายในโรงบ้านเรา ทำเงินเปิดตัววันแรกไปที่ 1 แสนบาท (จากการเข้าฉายในวงจำกัดเฉพาะในเครือเมเจอร์) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับหนังโรงของยอดมนุษย์อุลตร้าแมนที่เข้าฉายก่อนหน้านี้ อย่าง Ultraman Taiga The Movie: New Generation Climax เคยทำเงินวันแรกเมื่อสองปีก่อนไป 1.2 แสนบาท

หนังย้อนยุค อย่าง Operation Mincemeat ซึ่งดัดแปลงจากภารกิจที่เคยเกิดขึ้นจริงของหน่วยสืบราชการลับอังกฤษในการปล่อยข่าวลวงหลอกฝ่ายนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไปที่ 9.6 หมื่นบาท

และหนังดราม่า-ไซไฟคำวิจารณ์จากค่าย A24 อย่าง After Yang เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เข้าฉายรอบพิเศษชิมลางมาแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำเงินเปิดตัววันแรกแบบเต็มวันไปที่ 4.8 หมื่นบาท และทำเงินรวมแปดวัน (รวมรอบพิเศษ) ไปแล้วทั้งสิ้น 1.4 แสนบาท

อ้างอิงตัวเลขรายได้จาก – ชมรมวิจารณ์บันเทิง

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s