หลังจากที่หยุดให้บริการมานานกว่าสามเดือน ในที่สุด โรงหนังในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล ก็ได้รับการปลดล็อกให้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับหนังฟอร์มยักษ์จำนวนไม่น้อยที่รอเข้าฉายในบ้านเรากันมาอย่างยาวนาน จนเบียดกันเข้าฉายแน่นเต็มโปรแกรมในวันแรก
แต่การหยุดให้บริการของโรงหนังในบ้านเราครั้งที่ผ่านมาถือว่าแตกต่างจากครั้งแรกเมื่อปีก่อนอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นการหยุดให้บริการเป็นบางพื้นที่, บางจังหวัด ไม่ได้หยุดให้บริการพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศเหมือนปีก่อน จึงทำให้มีหนังหลายเรื่องไม่ได้เข้าฉายในโรงบ้านเราเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันแรก ซึ่งแบ่งจากการเข้าฉายได้เป็นสี่กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรกคือหนังใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าฉายในโรงหนังบ้านเรามาก่อน นำทีมมาโดยหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์จากค่ายมาร์เวล อย่าง Black Widow ที่ลัดคิวเข้าฉายในโรงหนังบ้านเราก่อนลงในบริการสตรีมมิ่ง Disney + Hotstar เพียง 5 วันเท่านั้น (6 ต.ค.) ทำเงินวันแรกในบ้านเราไป 1.28 ล้านบาท (จากการเข้าฉายในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่เกือบ 200 โรง) ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัววันแรกสูงอันดับ 4 ของบ้านเราปีนี้ (ตามหลังอันดับสองร่วม อย่าง Raya and the Last Dragon และ Mortal Kombat ที่ 1.5 ล้านบาทเท่ากัน) และทำเงินมากกว่าหนังใหม่เรื่องแรกที่เข้าฉายหลังโรงบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการเมื่อกลางปีก่อน อย่าง พจมาน สว่างคาตา (ทำเงินตรงกับวันหยุดไป 1.12 ล้านบาท)
อีกหนึ่งเรื่องที่ได้เข้าฉายในหลักร้อยโรงเช่นกัน คือหนังรวมพลซูเปอร์วายร้ายจากค่าย DC ผลงานของผู้กำกับ James Gunn อย่าง The Suicide Squad ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 3.5 แสนบาท
และอีกสองเรื่องที่ยังไม่เคยเข้าฉายในโรงหนังบ้านเรามาก่อน คือหนังแอ็กชั่น-อาชญากรรมผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Guy Ritchie ร่วมกับพระเอกนักบู๊ Jason Statham อย่าง Wrath of Man และหนังสยองขวัญเรื่องใหม่ของผู้กำกับ James Wan อย่าง Malignant ทำเงินวันแรกในบ้านเราไป 1.3 แสนบาท และ 7 หมื่นบาท ตามลำดับ
กลุ่มที่สองคือหนังที่เข้าฉายในในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่เป็นครั้งแรก แต่เข้าฉายในโรงหนังจังหวัดอื่นๆ ที่ยังเปิดให้บริการมาก่อนหน้านี้แล้ว นำทีมโดยหนังสยองขวัญภาคที่สามจากจักรวาลชื่อดัง อย่าง The Conjuring: The Devil Made Me Do It (เข้าฉายในโรงหนังบ้านเราตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม พร้อมกันวันที่ลงในบริการสตรีมมิ่ง HBO GO) ทำเงินเปิดตัววันแรกในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่ไป 1.5 แสนบาท
อีกสองเรื่องในกลุ่มนี้ คือ หนังแอนิเมชั่นผสมคนแสดง อย่าง Space Jam: A New Legacy ที่ภาคนี้ได้นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง อย่าง LeBron James มาแสดงนำ และหนังไซไฟย้อนรำลึกความทรงจำของพระเอก Hugh Jackman อย่าง Reminiscence (ทั้งสองเรื่องเข้าฉายในบ้านเราตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายน) ทำเงินเปิดตัววันแรกในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่ไป 3 หมื่นบาท และ 1 หมื่นบาท ตามลำดับ
กลุ่มที่สามคือหนังที่ได้เข้าฉายในเขตกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก แต่เคยเข้าฉายในโรงหนังเขตปริมณฑลและเชียงใหม่ก่อนที่จะหยุดให้บริการช่วงกลางปีมาแล้ว มีทั้งหมดสองเรื่องใน Top 10 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คือแชมป์เก่า อย่างหนังภาคต่อสุดระทึก A Quiet Place Part II (เข้าฉายสองสัปดาห์ก่อนที่โรงหนังในเขตปริมณฑลและเชียงใหม่จะหยุดให้บริการ) ทำเงินจากการกลับมาเข้าอีกครั้งในวันแรกไปอีก 1.6 แสนบาท และทำเงินรวมจากครั้งก่อนเฉพาะในเขตปริมณฑลและเชียงใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 4.76 ล้านบาท
และหนังไล่ล่าลุ้นระทึกของนักแสดงหญิงมากฝีมือ Angelina Jolie อย่าง Those Who Wish Me Dead (เข้าฉายหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่โรงหนังในเขตปริมณฑลและเชียงใหม่จะหยุดให้บริการ) ทำเงินจากการกลับมาเข้าอีกครั้งในวันแรกไปอีก 5 พันบาท และทำเงินรวมจากครั้งก่อนเฉพาะในเขตปริมณฑลและเชียงใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 2.7 แสนบาท
ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือหนังที่เคยเข้าฉายในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่มาแล้วในช่วงต้นปี มีหนึ่งเรื่องใน Top 10 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คือเจ้าของรางวัลออสการ์บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม อย่าง Promising Young Woman ทำเงินจากการกลับมาเข้าฉายอีกครั้ง (ที่โรง House เพียงแห่งเดียว) ไปอีก 3 พันบาท และทำเงินรวมจากการเข้าฉายครั้งก่อนไปแล้วทั้งสิ้น 4.2 แสนบาท
จากตัวเลขรายได้การเปิดโรงฉายวันแรกในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่ครั้งนี้ ถือว่าดีขึ้นจากครั้งแรกอยู่พอสมควร (วันแรกที่โรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนปีก่อน มีหนังเพียงเรื่องเดียว คือเรื่อง Bloodspot ที่ทำเงินทะลุหลักหนึ่งแสนบาทขึ้นมาได้ในวันนั้น) ด้วยอานิสงค์ของหนังฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ที่เข้าฉายเป็นจำนวนมากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ด้วยจำนวนรอบฉายและจำนวนที่นั่งต่อโรงที่ยังคงจำกัดอยู่ ทำให้รายได้ของแต่ละเรื่องยังคงห่างไกลกับหนังที่เข้าฉายในช่วงก่อนหน้านี้อยู่ค่อนข้างมาก

อ้างอิงตัวเลขรายได้จาก – Film Club