โรงหนังบ้านเรายังคงคึกคักอย่างต่อเนื่องจากกองทัพหนังใหม่ที่ตบเท้ากันเข้ามามากมายเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดแล้วตำแหน่งแชมป์ก็ยังคงเป็นของหนังสองสัตว์ประหลาดยักษ์ Godzilla vs. Kong เช่นเดิม โดยทำเงินวันพฤหัสที่ผ่านมาไปอีก 6.13 ล้านบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 68%) ซึ่งเป็นรายได้วันพฤหัสสุดกสัปดาห์ที่สองสูงสุดของบ้านเราในรอบปีนี้ (แทนที่ Raya and the Last Dragon ที่ 1.2 ล้านบาท), สูงสุดของบ้านเราในรอบ 2 ปี (แซง อ้าย..คนหล่อลวง ที่ 3.8 ล้านบาท) และสูงเป็นอันดับ 3 ของบ้านเราในรอบ 3 ปี (ตามหลัง Avengers: Endgame และ Joker ที่ 18 และ 6.8 ล้านบาท ตามลำดับ) ส่วนรายได้รวมแปดวัน ทำไปแล้วทั้งสิ้น 121.6 ล้านบาท ทำสถิติที่หลายคนรอคอย คือคว้าตำแหน่งหนังร้อยล้านเรื่องแรกของบ้านเราในรอบ 2 ปีนี้มาครองได้สำเร็จ (ทิ้งช่วงจากหนังร้อยล้านเรื่องก่อนหน้าของบ้านเราอย่าง Jumanji: The Next Level มานานถึง 14 เดือน) รวมทั้งขึ้นแท่นเป็นหนังจาก MonsterVerse เรื่องแรกที่ทำเงินทะลุหลักร้อยล้านในบ้านเราได้ (เรื่องก่อนหน้า อย่าง Godzilla: King of the Monsters เคยทำเอาไว้สูงที่สุดที่ 86 ล้านบาท) และกลายเป็นหนังตระกูล Godzilla ภาคที่ทำเงินสูงที่สุดตลอดกาลในบ้านเราอีกด้วย (เอาชนะ Godzilla ซึ่งครองบัลลังก์มายาวนานกว่า 23 ปีลงได้ในที่สุด ที่ 113 ล้านบาท)
ส่วนหนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา คืออนิเมะฉบับหนังโรงอีกหนึ่งเรื่องจากซีรี่ส์ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” ที่เข้าฉายในบ้านเราปีนี้ อย่าง Detective Conan: The Scarlet Alibi ซึ่งเป็นการโหมโรงก่อนการมาของเดอะมูฟวี่ ภาคที่ 24 อย่าง The Scarlet Bullet (กำลังจะเข้าฉายในเดือนี้เช่นกัน) โดยทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 1.18 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัววันแรกสูงอันดับ 3 ของบ้านเราปีนี้ (ตามหลัง Godzilla vs. Kong และ Raya and the Last Dragon ที่ 19.5 และ 1.5 ล้านบาท ตามลำดับ) และขึ้นแท่นเป็นหนังญี่ปุ่นเปิดตัววันแรกสูงสุดของบ้านเราปีนี้ (แซงหนังโรงของเจ้าหนูโคนันอีกหนึ่งเรื่องที่เข้าฉายไปก่อนหน้านี้ อย่าง Detective Conan: The Scarlet School Trip ทำเงินเปิดตัววันแรกเมื่อช่วงต้นปีไป 5 แสนบาท) รวมทั้งเป็นหนังจากตระกูลโคนัน ภาคที่ทำเงินวันแรกสูงอันดับ 2 ตลอดกาลของบ้านอีกด้วย (ตามหลังเดอะมูฟวี่ภาคที่ 23 อย่าง The Fist of Blue Sapphire ที่ 1.3 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียว)
อีกหนึ่งหนังใหม่ กับหนังไทยเรื่องแรกประเดิมค่าย Tai Major ที่มาพร้อมกับแนวสืบสวนหาฆาตกรตัวจริง อย่าง บอสฉัน..ขยันเชือด ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 6.6 แสนบาท กลายเป็นหนังไทยเปิดตัววันแรกสูงที่สุดในปีนี้ (แทนที่หนังผี เรื่อง ผี เล่า ที่ 5.4 แสนบาท) และสูงเป็นอันดับ 8 ของหนังไทยที่เข้าฉายนับตั้งแต่โรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเใื่อช่วงกลางปีก่อน (ตามหลัง เกมเมอร์ เกมแม่ ที่ 6.8 แสนบาท)
หนังตัวเต็งออสการ์ประจำปีนี้ อย่าง Minari ที่เข้าฉายรอบพิเศษไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำเงินวันแรกแบบเต็มวันเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไป 1.4 แสนบาท (และทำเงินรวมรอบพิเศษไปแล้ว 3.5 แสนบาท)
หนังอนิเมะภาคต่อฉลองครบรอบ 50 ปีของโดราเอมอน อย่าง Stand by Me Doraemon 2 ที่ขอชิมลาง เข้าฉายรอบพิเศษก่อนจะถึงช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์หน้า ทำเงินวันแรกจากรอบพิเศษไป 1.1 แสนบาท ซึ่งเป็นรายได้รอบพิเศษวันแรกสูงที่สุดของบ้านเราในปีนี้ (แทนที่ Minari ที่ 4 หมื่นบาท) โดย Stand by Me Doraemon ภาคแรก เคยทำเงินรอบพิเศษวันแรกไป 6 แสนบาท
ด้านหนังแอนิเมชั่นจากค่ายดิสนี่ย์ อย่าง Raya and the Last Dragon ทำเงินเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไปอีก 9.6 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 63%) ซึ่งเป็นรายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่ห้าสูงที่สุดของบ้านเราปีนี้ และสูงเป็นอันดับ 7 ของบ้านเราในรอบ 2 ปี (ตามหลัง Monster Hunter ที่ 1 แสนบาท) และทำเงินรวมยี่สิบเก้าวันไปแล้ว 41.29 ล้านบาท
ส่วนหนังใหม่อีกสองเรื่องเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยหนังดัดแปลงจากเหตุการณ์จริงสุดเจ็บปวด อย่าง The Mauritanian ซึ่งส่งให้นักแสดงหญิงมากฝีมือ Jodie Foster คว้ารางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบหญิงประจำปีนี้ไปครอง ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 7.8 หมื่นบาท
และหนังเดือดสัญชาติออสเตรเลีย อย่าง The Nightingale ของผู้กำกับหญิง Jennifer Kent (The Babadook) ที่เดินสายคว้ารางวัลตามเทศกาลหนังมาแล้วหลายเวที ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 3.6 หมื่นบาท
