กลายเป็นม้ามืดประจำปีนี้ของบ้านเราไปแล้ว สำหรับหนังอนิเมะสุดฮิต ดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train ที่คว้าอันดับหนึ่งไปครอง ด้วยรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่สูงถึง 32.28 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงที่สุดของบ้านเราปีนี้ (แทนที่ Mulan ที่ 26 ล้านบาท) , เป็นรายได้เปิดตัวสูงที่สุดตลอดกาลของหนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายในบ้านเรา (ล้มสถิติเดิมของ Your Name เมื่อสี่ปีก่อน ที่ 23 ล้านบาทลงได้) และสูงเป็นอันดับ 5 ของหนังแอนิเมชั่นที่เข้าฉายในบ้านเราตลอดกาล (ตามหลัง The Lion King เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งทำเอาไว้เมื่อปีก่อนไป 40 ล้านบาท)

ส่วนรายได้รวมรอบพิเศษตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อน ทำไปแล้วทั้งสิ้น 51.68 ล้านบาท กลายเป็นหนังทำเงินทะลุหลักห้าสิบล้านเรื่องที่ห้าของปีนี้ (ซึ่งรวมไปถึงกระโดดเข้าสู่ Top 5 หนังทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ได้แล้วด้วยเช่นกัน โดยมาหยุดอยู่อันดับที่ 5 เตรียมตัวแซงหนังซอมบี้เกาหลี Peninsula ในอีกไม่ช้า) และขึ้นแท่นเป็นหนังอนิเมะญี่ปุ่น (พ่วงตำแหน่งหนังญี่ปุ่น) ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (แทนที่เจ้าของตำแหน่งเดิม อย่าง Your Name ที่ 44 ล้านบาท)

แชมป์เก่าเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน อย่าง อ้าย..คนหล่อลวง ขยับลงมาอยู่อันดับสอง กับรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่ทำไปอีก 14.56 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรกเพียง 25% เท่านั้น ลดลงน้อยเป็นอันดับสองตลอดกาลของค่าย GDH ้เป็นรอง พรจากฟ้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์แรก 8% เพียงเรื่องเดียว) ซึ่งเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สองสูงอันดับ 2 ของบ้านเราปีนี้ (เป็นรอง อีเรียมซิ่ง เพียงเรื่องเดียว ที่ 18 ล้านบาท) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 43.24 ล้านบาท กลายเป็นหนังไทยทำเงินรวมสูงอันดับ 2 ของปีนี้แล้ว (แซง Low Season สุขสันต์วันโสด ที่ 41 ล้านบาท)
หนังไทยอีกหนึ่งเรื่อง อย่าง อีเรียมซิ่ง ยังคงเกาะอันดับที่สามเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นไม่ขยับไปไหน จากรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่ทำไปอีก 3.93 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อนไม่ถึงครึ่ง ที่ 42%) ซึ่งเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สี่สูงสุดของบ้านเราปีนี้ (มากกว่า Tenet ที่ 2.8 ล้านบาท) และทำเงินรวมสี่สัปดาห์ไปแล้ว 73.24 ล้านบาท กระโดดเข้าสู่ Top 5 หนังไทยทำเงินสูงที่สุดในรอบสามปีนี้ (มาอยู่อันดับที่ 5 ตามหลังหนังไทยร้อยล้านอีกสี่เรื่องในช่วงสองปีก่อนหน้า)
นอกจากนั้นในสัปดาห์นี้ ยังมีหนังใหม่อีกสี่เรื่อง เริ่มกันที่ผลงานพระเอกหนุ่ม Brenton Thwaites ที่เข้าฉายชนกันถึงสองเรื่อง ทั้งหนังสยองขวัญในบรรยากาศสงครามโลก Ghosts of War ทำเงินสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 1.41 ล้านบาท กลายเป็นหนังสยองขวัญต่างประเทศเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงอันดับ 3 ของบ้านเราปีนี้ (ตามหลัง The Grudge และ Brahms: The Boy II ที่ 2.7 และ 2.5 ล้านบาท ตามลำดับ)

และอีกหนึ่งเรื่องคือหนังซอมบี้ป่วนออฟฟิศ Office Uprising ทำเงินสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 5 แสนบาท น้อยกว่าหนังซอมบี้สัญชาติแคนาดา Blood Quantum (ที่ 6 แสนบาท) ไม่มากนัก

หนังไทยดัดแปลงจากตำนานโศกนาฏกรรมความรักที่เคยเกิดขึ้นจริง อย่าง สีดา ตำนานรักโลงคู่ ผลงานการกำกับของคุณเอกชัย ศรีวิชัย ทำเงินสุดสัปดาห์แรกไปที่ 4.3 แสนบาท

และผลงานของผู้กำกับหว่องกาไว ที่ได้กลับมาฉายในบ้านเราอีกครั้ง อย่าง 2046 ทำเงินเปิดตัวสุดสัปดาหฺ์แรกไป 1.7 แสนบาท และทำเงินรวมจากการฉายครั้งก่อนไปแล้ว (เมื่อสิบหกปีก่อน) ที่ 1.2 ล้านบาท

การมาของดาบพิฆาตอสูร ผนึกกำลังกับหนังเก่าที่ยังคงแรงดีไม่มีตก ช่วยให้ Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมทะลุหลักห้าสิบล้านบาทได้เป็นครั้งแรกของปีนี้ (54.7 ล้านบาท)
เพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 35% (40.3 ล้านบาท)
และเพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน เกือบ 1% (54.3 ล้านบาท) (เป็นครั้งแรกในรอบ 13 สัปดาห์ และเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่โรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ที่รายได้รวมสิบอันดับประจำสุดสัปดาห์ของปีนี้ มากกว่าสุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังไทยจากค่าย GDH อย่าง ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค ยังคงครองแชมป์ต่อเป็นสมัยที่สอง ด้วยรายได้ 21 ล้านบาท (โดยมีหนังสืบสวนรวมดาราดัง อย่าง Knives Out เปิดตัวสูงที่สุดในกลุ่มหนังใหม่ที่รายได้ 11 ล้านบาท)
