วันพฤหัสที่ผ่านมา ถึงคราวของหนังฮอลลิวู้ดฟอร์มเต็งจากวรรณกรรมเด็กเรื่องดังของ อย่าง The Witches ที่สามารถฝ่าทัพหนังใหม่ ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์หนังทำเงินในบ้านเราไปครองได้สำเร็จ ด้วยรายได้เปิดตัววันแรก 1.2 ล้านบาท กลายเป็นหนังต่างประเทศเปิดตัววันแรกสูงอันดับ 5 นับตั้งแต่โรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (ตามหลังหนังจระเข้โหดภาคต่อ Black Water: Abyss ที่ 1.8 ล้านบาท) รวมทั้งเปิดตัวได้ใกล้เคียงกับหนังเรื่องก่อนหน้าซึ่งดัดแปลงจากวรรณกรรมชื่อดังของ Roald Dahl อย่าง The BFG เคยเปิดตัววันแรกเมื่อสี่ปีที่แล้วในบ้านเราไป 1.8 ล้านบาท และเป็นหนังเรื่องแรกในรอบทศวรรษของผู้กำกับ Robert Zemeckis ที่เปิดตัววันแรกในบ้านเราเกินหลักล้านบาทเลยทีเดียว
อีกหนึ่งหนังใหม่ คือหนังรักอลหม่านในบรรยากศอบอุ่น อย่าง รักหนูมั้ย ผลงานเรื่องใหม่จากทีมผู้สร้าง ไทบ้านเดอะซีรีส์ ที่ชิมลางเข้าฉายรอบพิเศษ (เฉพาะภาคอีสาน) ไปตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อน ทำเงินวันแรกในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่ไป 5.3 แสนบาท ซึ่งถือเป็นรายได้เปิดตัววันแรกสูงอันดับ 5 ของหนังไทยที่เข้าฉายหลังจากโรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (เท่ากับ มนต์รักดอกผักบุ้ง เลิกคุยทั้งอำเภอ ที่ 5.3 แสนบาทเช่นกัน) และทำได้ใกล้เคียงกับ ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ภาคแรก ซึ่งเคยเปิดตัววันแรกไป 4.9 แสนบาท
ขณะที่หนังใหม่อีกสี่เรื่องสี่แนวใน Top 10 เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยหนังสงครามดัดแปลงจากเหตุการณ์จริง อย่าง The Outpost ผลงานเรื่องล่าสุดของ Orlando Bloom ที่ได้กลับมาขึ้นจอใหญ่อีกครั้งในรอบหลายปี ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 3.9 แสนบาท
หนังสยองขวัญสัญชาติแคนาดา ในชื่อสั้นๆ ว่า Z ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 1.6 แสนบาท ซึ่งถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับหนังสยองขวัญต่างประเทศที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ อย่างเช่น Relic (2.1 แสนบาท) หรือ 32 Malasana Street (1.7 แสนบาท)
หนังกีฬาสัญชาติจีน อย่าง Leap ผลงานเรื่องใหม่ของผู้กำกับ ปีเตอร์ ชาน ที่ได้นักแสดงหญิงมากฝีมือ กง ลี่ มาสวมบทเป็นโค้ชวอลเล่ย์บอลหญิงชื่อดังของจีน ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 4.7 หมื่นบาท โดยผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับ ปีเตอร์ ชาน ซึ่งดัดแปลงจากประวัติของบุคคลจริงเช่นกัน American Dreams in China เคยเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 9 หมื่นบาท
และหนังตลกร้ายสุดแหวกแนว อย่าง She Dies Tomorrow ของผู้กำกับหญิง Amy Seimetz ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 3.3 หมื่นบาท
ส่วนในกลุ่มหนังเก่า เริ่มกันที่แชมป์เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน อย่างหนังไทย หลวงพี่กะอีปอบ ทำเงินวันพฤหัสที่ผ่านมาไปอีก 1.3 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้วเพียง 35% เท่านั้น) ซึ่งเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สามสูงสุดของหนังไทยที่เข้าฉายหลังจากโรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (มากกว่า พจมาน สว่างคาตา ที่ 9.5 หมื่นบาท) และทำเงินรวมสิบห้าวันไปแล้ว 8.81 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นหนังไทยทำเงินสูงสุดนับตั้งแต่โรงหนังบ้านเราหลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พ่วงด้วยขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 หนังไทยทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ แทนที่ พจมาน สว่างคาตา (8.7 ล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว อย่าง Cosmoball ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 4.7 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 84%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 2.37 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นหนังรัสเซียทำเงินสูงสุดในบ้านเราปีนี้ได้แล้วเช่นกัน (แซง Baba Yaga: Terror of the Dark Forest ที่ 1.8 ล้านบาท)
หนังฮ่องกงสุดคลาสสิคของผู้กำกับหว่องกาไว อย่าง In the Mood For Love ทำเงินเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไปอีก 4.3 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรกไม่ถึงครึ่ง ที่ 46%) และทำเงินรวมใกล้หลักล้านเข้าไปทุกทีแล้ว (8.8 แสนบาท)
และหนังสยองขวัญสัญชาติอินโดนีเซีย อย่าง Impetigore ทำเงินเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไปอีก 3.5 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 75%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 1.29 ล้านบาท ตามหลังผลงานเรื่องก่อนของผู้กำกับ Joko Anwar อย่าง Satan’s Slave ซึ่งทำเงินรวมแปดวันไป 1.6 ล้านบาท
