สุดสัปดาห์วันลอยกระทงควบวันฮาโลวีนปีนี้ กลายเป็นหนังผีไทยปนฮาเจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อสัปดาห์ก่อน อย่าง หลวงพี่กะอีปอบ ที่สามารถพลิกกลับมาคว้าแชมป์ประจำสุดสัปดาห์ไปครองได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน (ถือเป็นหนังไทยเรื่องที่สองของปีนี้ที่คว้าแชมป์ได้สองสมัย ถัดจาก พจมาน สว่างคาตา) จากรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่ทำไปอีก 1.75 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรก 63%) ซึ่งเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สองของหนังไทยสูงสุดนับตั้งแต่โรงหนังบ้านเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (แซง เกมเมอร์ เกมแม่ ไปแบบหวุดหวิด ที่ 1.69 ล้านบาท) และสูงเป็นอันดับ 4 ของหนังไทยปีนี้ (ตามหลัง Low Season สุขสันต์วันโสด , พี่นาค 2 และ ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ที่ 7 , 6 และ 2 ล้านบาท ตามลำดับ) ส่วนรายได้รวมสองสัปดาห์ ทำเงินรวมไปแล้วทั้งสิ้น 7.82 ล้านบาท ขยับเข้าใกล้ Top 5 หนังไทยทำเงินสูงสุดของปีนี้เข้าไปทุกทีแล้ว (ล่าสุดกระโดดขึ้นมาอยู่อับดับที่ 6 ตามหลัง เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ ที่ยังอยู่ใน Top 10 สุดสัปดาห์นี้เช่นกัน และทำเงินรวมสามสัปดาห์ไปแล้ว 8.58 ล้านบาท)

หนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดประจำสุดสัปดาห์นี้ คือหนังไซไฟฟุตบอลอวกาศสัญชาติรัสเซีย อย่าง Cosmoball ตามมาในอันดับที่สอง จากรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกที่ทำไป 1.68 ล้านบาท กลายเป็นหนังรัสเซียเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงสุดของบ้านเราในปีนี้ (ทิ้งห่างหนังสยองขวัญ Baba Yaga: Terror of the Dark Forest ไปเกือบเท่าตัว ที่ 8.8 แสนบาท) และสูงที่สุดนับตั้งแต่หนังซูเปอร์ฮีโร่รัสเซีย Guardians เคยทำเอาไว้เมื่อสามปีก่อนที่ 8 ล้านบาท

รองแชมป์เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน อย่าง Pinocchio ลงมาอยู่อันดับที่สาม กับรายรับสุดสัปดาห์นี้ที่ทำไปอีก 9.3 แสนบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรกเกินครึ่งไปเล็กน้อย ที่ 55%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 3.8 ล้านบาท

หนังภาคต่อของก๊วนแม่มดสาววัยแสบ The Craft: Legacy เข้ามาในอันดับที่สี่ จากรายได้สุดสัปดาห์แรกในบ้านเราที่ทำไป 9 แสนบาท ซึ่งหนังจากค่าย Blumhouse ที่ทำได้ใกล้เคียงกันที่สุดในปีนี้ คือหนังเกาะสวรรค์ชวนสยอง Fantasy Island เคยเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกเอาไว้ที่ 1.2 ล้านบาท

ขณะที่หนังสยองขวัญสุดโหดสัญชาติอินโดนีเซีย อย่าง Impetigore ทำเงินเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 8.6 แสนบาท กลายเป็นหนังจากประเทศกลุ่มอาเซียนเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงอันดับ 2 ของบ้านเราในปีนี้ (ยังคงตามหลังหนังระทึกขวัญสัญชาติเวียดนาม อย่าง Kumanthong ที่ 1 ล้านบาท) และทำได้ใกล้เคียงกับผลงานเรื่องก่อนของผู้กำกับ Joko Anwar อย่าง Satan’s Slave ซึ่งเคยเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราเมื่อสองปีก่อนไป 9 แสนบาท

และหนังฮ่องกงสุดคลาสสิคของผู้กำกับหว่องกาไว อย่าง In the Mood For Love ที่ทำเงินไปค่อนข้างเกินคาด (จนได้โรงฉายเพิ่มขึ้นมาจากวันแรกเกือบสามเท่าเลยทีเดียว) จากรายได้สุดสัปดาห์แรกที่ทำไป 5.4 แสนบาท กลายเป็นหนังเก่าสัญชาติเอเชียที่กลับมาฉายใหม่แล้วเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงที่สุดของบ้านเราในปีนี้ (มากกว่าหนังอนิเมะญี่ปุ่นระดับตำนาน อย่าง Akira ซึ่งเคยทำเอาไว้ที่ 4.7 แสนบาท)

Top 10 สุดสัปดาห์นี้ กลับมาทำเงินรวมกันต่ำกว่าหลักสิบล้านบาทอีกครั้ง (8.1 ล้านบาท)

ลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 37% (12.9 ล้านบาท)

และลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน 80% (42 ล้านบาท)

ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังแฟนตาซีภาคต่อจากค่ายดิสนี่ย์ อย่าง Maleficent: Mistress of Evil พลิกกลับมาคว้าแชมป์ได้ในสัปดาห์ที่สาม ด้วยรายได้ 8 ล้านบาท (โดยมีหนังซอมบี้ภาคต่อ Zombieland: Double Tap ตามมาติดๆ ด้วยรายได้เปิดตัว 7 ล้านบาท)