สุดสัปดาห์แรกหลังจากที่โรงหนังกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ยังคงเงียบเหงากว่าปกติ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงมีอยู่ และมาตรการจำกัดที่นั่ง, จำกัดรอบฉาย ที่ทำให้ยอดคนดูหนังแทบทุกเรื่อง ลดลงไปกว่าที่ควรจะเป็นอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โรงหนังจะหยุดให้บริการ
โดยแชมป์ประจำสุดสัปดาห์ อย่างหนังไทยขายความฮา พจมาน สว่างคาตา กลายเป็นหนังเพียงเรื่องเดียวที่ทำเงินเกินหลักล้านในสุดสัปดาห์นี้ ทำรายได้สี่วันสุดสัปดาห์แรกไป 2 ล้านบาท (รวมรายได้จากวันแรกเมื่อวันพุธ ทำเงินรวมห้าวันไปแล้ว 3.12 ล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงอันดับ 6 ของหนังไทยที่เข้าฉายในปีนี้ (โดยมี พี่นาค 2 , Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นหนังไทยเพียงสองเรื่องของปีที่เปิดตัวเกินหลักสิบล้านบาท และตามหลังหนังภาคต่อ มือปืน/โลก/พระ/จัน 2 เพียงแสนเดียว) รวมไปถึงเป็นหนังทำเงินสูงสุดในรอบปีนี้ของหนุ่ม แน็ก ชาลี ไตรรัตน์ (แทนที่ Who ปิดป่าหลอน ซึ่งทำเงินเปิดตัวไป 6 แสนบาท) และเป็นหนังเปิดตัวสูงอันดับ 2 ในเครดิตของนักแสดงสาว แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ (เป็นรอง ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ ที่ 8 ล้านบาท) แต่ถือเป็นหนังเรื่องที่สองในจักรวาล หอแต๋วแตก ที่ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไม่ถึงหลักสิบล้านบาท (ตามหลังหนังหอแต๋วแตกภาคที่ 4 อย่าง หอแต๋วแตก แหกมว๊ากมว๊ากกก ซึ่งเคยเปิดตัวไป 8 ล้านบาท โดยหนังหอแต๋วแตกภาคล่าสุด อย่าง หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ เคยเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกเมื่อสองปีก่อนไป 10 ล้านบาท)
ส่วนกลุ่มหนังเก่าตกค้างโปรแกรม ต่างก็ทำเงินลดลงมาค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับรายได้ช่วงก่อนที่โรงหนังจะหยุดให้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มหนังที่เข้าฉายช่วงก่อนปิดโรงหนังเพียงสัปดาห์เดียว
อย่างเช่นแชมป์เก่า Bloodshot ที่ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 4 แสนบาท ซึ่งลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อนโรงหนังปิด 95% และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไป 13.36 ล้านบาท ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 8 หนังปี 2563 ทำเงินสูงสุด (แทนที่ ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ที่ 13 ล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หรือรองแชมป์เก่า อย่าง Brahms: The Boy II ที่ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 2.2 แสนบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อนโรงหนังปิด 91%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 3.48 ล้านบาท
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหนังหลายเรื่องที่อาศัยช่วงไร้คู่แข่งใหม่ๆ เช่นนี้ ทำเงินเพิ่มขึ้นจากสุดสัปดาห์ก่อนไปแบบเหนือความคาดหมายเช่นกัน
อย่างหนังไทย Low Season สุขสันต์วันโสด ที่สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการกระโดดจากท้ายตารางในสัปดาห์ก่อนปิดโรงหนัง กลับมาอยู่อันดับที่ 2 ได้อีกครั้ง แม้จะเข้าฉายมาหลายเดือนแล้ว กับรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่ทำไปอีก 4 แสนบาท (เพิ่มขึ้นจากสุดสัปดาห์ก่อนปิดโรงหนังถึง 166%!) กลายเป็นหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 6 สูงสุดของปีนี้ (แทนที่หนังสงคราม 1917 ซึ่งเคยทำเอาไว้ที่ 1.8 แสนบาท) และกลายเป็นหนังไทยทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 6 สูงสุด(ร่วม)ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เทียบเท่ากับหนังฮิตเมื่อปีก่อน อย่าง ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค (เคยทำเอาไว้ที่ 4 แสนบาทเช่นกัน) อีกด้วย ส่วนรายได้รวมหกสัปดาห์ ทำไปแล้วทั้งสิ้น 40.55 ล้านบาท
หรือหนังสองเรื่องที่กระโดดจากนอกตารางกลับเข้ามาสู่ Top 10 ได้อีกครั้ง อย่างหนังสงครามโลก 1917 ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 3 หมื่นบาท (เพิ่มขึ้นจากสุดสัปดาห์ก่อนปิดโรงหนังถึง 200%!) และทำเงินรวมเก้าสัปดาห์ไปแล้ว 31.73 ล้านบาท ยืดสถิติเป็นหนังที่ติดอยู่ใน Top 10 นานที่สุดของปีนี้ (แบบไม่ติดต่อกัน) ออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ (รวมเป็น 8 สัปดาห์)
และหนังจากเกมชื่อดัง Sonic The Hedgehog ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 3 หมื่นบาท และทำเงินรวมสี่สัปดาห์ไปแล้ว 12.12 ล้านบาท

ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ จึงทำให้ Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไปเพียง 3.46 ล้านบาท ซึ่งลดลงมาจากสุดสัปดาห์ก่อนปิดโรงหนัง (เคยเป็นสุดสัปดาห์ที่ทำเงินรวมน้อยที่สุดของปีนี้ ที่ 14 ล้านบาท) มากถึง 75%
และลดลงมาจากสุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน ถึง 94% (ทำเงินรวมไป 64 ล้านบาท โดยมีหนังเรื่อง X-Men: Dark Phoenix คว้าแชมป์ในสุดสัปดาห์นั้นด้วยรายได้ 32 ล้านบาท)
รวมไปถึงกลายเป็นสุดสัปดาห์ที่ทำเงินรวมกันน้อยที่สุดในรอบทศวรรษนี้ แทนที่สถิติเดิมเมื่อปี 2560 (12 ล้านบาท) ซึ่งหนังเรื่อง Geostorm ครองแชมป์ในสุดสัปดาห์นั้นเป็นสมัยที่ 3 ด้วยรายได้ 5 ล้านบาท