หลังจากที่หยุดให้บริการไปเป็นเวลากว่าสองเดือน (ในเขตกรุงเทพฯ , ปริมณฑลหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม และหยุดให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศหนึ่งวันหลังจากนั้น) ในที่สุดโรงหนังในไทยก็ได้รับการผ่อนปรนให้กลับมาเปิดได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ ด้าน ตั้งแต่มาตรการเว้นที่นั่งระหว่างคนดู , จำกัดจำนวนรอบ และจำนวนคนดูในแต่ละโรง รวมไปถึงโรงหนังที่พร้อมเปิดให้บริการ ยังมีเพียงเครือเมเจอร์ , เครือ SF และเจ้าอื่นๆ อีกเพียงไม่กี่เครือ (กระทั่งสองเจ้าใหญ่ก็ยังเปิดให้บริการในแต่ละสาขาไม่ครบทุกโรงด้วยเช่นกัน) และหนังที่เข้าฉาย ยังคงเป็นหนังเก่าที่ตกค้างโปรแกรมมาตั้งแต่ก่อนปิดโรงหนัง จึงทำให้สถานการณ์ของโรงหนังในบ้านเราที่กลับมาเปิดอีก ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรในวันแรก
ส่วนเรื่องที่คว้าแชมป์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คือหนังซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย Valiant อย่าง Bloodshot ที่ครองแชมป์มาตั้งแต่สุดสัปดาห์สุดท้ายก่อนโรงหนังหยุดให้บริการ ทำเงินไปอีก 1.2 แสนบาท จากจำนวนโรงฉายในเขตกรุงเทพฯ , ปริมณฑล 100 โรง (เคยเข้าฉายมากกว่า 200 โรง ในสุดสัปดาห์แรกก่อนที่โรงหนังจะหยุดให้บริการ) ซึ่งเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำเงินเกินหลักแสนบาทขึ้นมาได้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และทำเงินรวมไปแล้ว 12 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 10 หนังปี 2563 ทำเงินสูงที่สุดพอดี
อีกสองเรื่องที่ทำเงินตามมาติดๆ คือภาคต่อตุ๊กตาหลอน Brahms: The Boy II และหนังไทยเจ้าของตำแหน่ง หนังปี 2563 ทำเงินสูงที่สุด ณ ตอนนี้ อย่าง Low Season สุขสันต์วันโสด ทำเงินกันไปอีกเรื่องละ 8 หมื่นบาท ซึ่งเรื่องหลังได้โรงฉายเพิ่มขึ้นจากสุดสัปดาห์สุดท้ายก่อนโรงหนังปิดมากกว่าเท่าตัว (มาเป็น 40 โรง) และกลายเป็นหนังที่ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงที่สุดใน Top 10 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอีกด้วย
อีกสองเรื่องใน Top 5 คือหนังระทึกจากค่าย Blumhouse อย่าง The Invisible Man และหนังสยองปนฮาภาคต่อ อย่าง พี่นาค 2 ทำเงินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากันไปอีกเรื่องละ 4 หมื่นบาท
อ้างอิงตัวเลขรายได้จาก – Film Club