กลายเป็นสุดสัปดาห์ที่หงอยเหงาลงไปถนัดตา เมื่อไม่มีหนังเรื่องไหนทำรายได้เกินหลักล้านขึ้นมาได้เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แม้กระทั่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์หน้าเดิม อย่าง Jumanji: The Next Level ที่ยังคงครองบัลลังก์แชมป์ต่อด้วยรายได้ 9.5 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 76%) และทำเงินรวมยี่สิบสามวันไปแล้ว 95.54 ล้านบาท เข้าใกล้ตำแหน่งหนังร้อยล้านเรื่องที่ 14 ของปีนี้เข้าไปทุกทีแล้ว

ส่วนหนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดในกลุ่ม คือหนังมหันตภัยฟอร์มยักษ์จากเกาหลี อย่าง Ashfall ที่รวมดาราเกาหลีชื่อดังเอาไว้อย่างคับคั่ง เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 7.2 แสนบาท ซึ่งหากนำไปเทียบกับหนังเกาหลีที่เข้ามาฉายในบ้านเราเมื่อปีก่อน ถือเป็นหนังเกาหลีที่เปิดตัววันแรกในบ้านเราสูงอันดับ 3 ในรอบสองปีนี้เลย (แทนที่หนังเต็งรางวัลอย่าง Parasite ที่ 6 แสนบาท และตามหลังสองหนังของวง BTS อย่าง BTS World Tour: Love Yourself in Seoul , Bring The Soul: The Movie ซึ่งทำเอาไว้เกินหลักล้านด้วยกันทั้งคู่เพียงสองเรื่องเท่านั้น) รวมไปถึงเป็นหนังเปิดตัววันแรกในบ้านเราสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีของนักแสดงชายเกาหลีที่มีผลงานในฮอลลิวู้ดหลายเรื่อง อย่าง อีบยองฮอน (นับตั้งแต่หนังคาวบอยรีเมค The Magnificent Seven เคยทำเอาไว้ในบ้านเราที่ 1 ล้านบาท) , เปิดตัววันแรกสูงเป็นอันดับ 3 ในเครดิตของอีกหนึ่งนักแสดงชาย ฮา จองอู (ตามหลังหนังฟอร์มยักษ์ Along With the Gods ทั้งสองภาค ซึ่งเคยทำเอาไว้ในบ้านเรา 1 ล้านและ 7.9 แสนบาท ตามลำดับ) และเปิดตัวสูงที่สุดในบ้านเราของนักแสดงหญิง เบ ซูจี อีกด้วย (มากกว่า Architecture 101 ซึ่งทำรายได้ตลอดสุดสัปดาห์แรกไป 3 แสนบาท)

อีกหนึ่งหนังใหม่แต่เข้าฉายรอบพิเศษล่วงหน้าไปตั้งแต่ช่วงส่งท้ายปีก่อน อย่างแอนิเมชั่นสายลับ Spies in Disguise ทำเงินวันแรกแบบเต็มวันในบ้านเราไป 4.7 แสนบาท และทำเงินรวมสิบวันไปแล้ว 1.83 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเงียบเหงาอยู่พอสมควร เมื่อต้องเทียบกับหนังแอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆ ในปีก่อน แต่ก็ถือว่าทำได้ไม่แตกต่างจากผลงานช่วงหลังๆ ของค่าย Blue Sky มากนัก อย่างเช่นเจ้ากระทิงใจดี Ferdinand เคยเปิดตัววันแรกในบ้านเราเมื่อสามปีก่อนไปพอๆ กันที่ 4 แสนบาท

หนังไทยเรื่องใหม่ อย่าง มือปืน/โลก/พระ/จัน 2 ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ที่ทิ้งช่วงจากภาคแรกถึง 19 ปี เปิดตัววันแรกไป 4.4 แสนบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากหนังในตระกูล มือปืน ของคุณต้อมเรื่องก่อนหน้า อย่าง หมาแก่ อันตราย (ทำเงินวันแรกไป 3 แสนบาท) แต่ลดลงจากผลงานเรื่องก่อนของคุณต้อม ซึ่งร่วมงานกับนักแสดงตลกชื่อดัง คุณแจ๊ส ชวนชื่นเช่นกัน อย่าง ดอกฟ้า_หมาแจ๊ส (เปิดตัววันแรกไป 6 แสนบาท)

หนังใหม่รีเมคจากวรรณกรรมคลาสสิค อย่าง สี่ดรุณี Little Women เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 4.4 แสนบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมาพอสมควรจากผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับหญิง เกรต้า เกอร์วิก อย่าง Lady Bird ซึ่งมีนักแสดงหญิงมากฝีมือ เซียร์ชา โรแนน ร่วมแสดงนำด้วยเช่นกัน (เปิดตัววันแรกเกือบ 2 แสนบาท) รวมถึงเป็นหนังเปิดตัวสูงสุดในรอบเกือบสามปีของ เอ็มม่า วัตสัน (นับตั้งแต่หนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ Beauty and the Beast ทำเอาไว้มากกว่าหลักสิบล้านบาทเป็นต้นมา) และสูงเป็นอันดับสามในเครดิตของอีกหนึ่งนักแสดงหญิง ฟลอเรนซ์ พิวจ์ ที่มีผลงานจำนวนไม่น้อยในรอบ 2-3 ปีนี้ด้วย (เป็นรอง The Commuter ซึ่งทำเอาไว้หลักล้านบาท และ Midsommar ซึ่งทำเอาไว้เมื่อปีก่อนเกือบ 7 แสนบาทอีกด้วย)

ส่วนหนังไทยส่งท้ายปี อย่าง ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไร..ไม่ให้เหลือเธอ ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 4.4 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 80%) และทำเงินรวมสิบห้าวันไปแล้ว 52.01 ล้านบาท กลายเป็นหนังไทยทำเงินทะลุหลักห้าสิบล้านเรื่องที่ 4 ของปีก่อนไปแล้ว (ตามหลัง ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค , Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน และ พี่นาค)

หนังไทยส่งท้ายปีอีกหนึ่งเรื่อง อย่าง แฮปปี้นิวยู แสบสนั่น ยันหว่าง ทำเงินไปอีก 2.5 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 80%) และทำเงินรวมสิบเอ็ดวันไปแล้ว 15.08 ล้านบาท จากรายได้ที่ร่วงลงมาค่อนข้างมา เลยพลอยทำให้โอกาสที่จะทำเงินทะลุเข้าสู่ Top 10 หนังไทยทำเงินสูงสุดประจำปีก่อนลดน้อยลงไปทุกขณะแล้ว (ล่าสุดอยู่อันดับที่ 13 ตามหลัง บอดี้การ์ด หน้าหัก อีกไม่ถึงหลักล้านบาท)

หนังปิดท้ายไตรภาคสงครามอวกาศ Star Wars: The Rise of Skywalker เก็บเงินไปอีก 2 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 84%) และทำเงินรวมยี่สิบสองวันไปแล้ว 88.45 ล้านบาท ทำรายได้แซงภาค Attack of the Clones (87 ล้านบาท) เข้ามาอยู่ใน Top 5 หนัง Star Wars ภาคที่ทำเงินสูงที่สุดตลอดกาลในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (มาอยู่อันดับที่ 5 และน่าจะเป็นอันดับสูงที่สุดที่ภาคนี้จะไต่ขึ้นมาได้แล้ว เพราะยังตามหลังภาค Revenge of the Sith ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 4 อีกเกือบสิบล้านบาท

และหนังเกาหลีเรียกน้ำตา Kim Ji Young, Born 1982 ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 1.3 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 62%) และทำเงินรวมสิบเอ็ดวันไปแล้ว 4.01 ล้านบาท ยังคงหยุดอยู่อันดับที่ 4 หนังเกาหลีทำเงินสูงสุดในบ้านเราเมื่อปีก่อนอยู่ (แต่ไล่ตาม Exit มาเหลือไม่ถึงหลักล้านบาทแล้ว)