ปี 2019 ที่ผ่านมา กลายเป็นอีกหนึ่งปีที่มีหนังสร้างปรากฏการณ์ทางด้านรายได้ให้เห็นมากมายหลากหลายแนว จึงไม่น่าแปลกใจที่ปีก่อนจะมีหนังทำเงินทะลุหลักร้อยล้านในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล, เชียงใหม่ไปแล้วถึง 13 เรื่อง (และน่าจะมีเรื่องที่ 14 ตามมาอีกหนึ่งเรื่อง) ซึ่งมากพอที่จะทำสถิติเป็นปีที่มีหนังร้อยล้านมากที่สุดตลอดกาลในบ้านเราไปแบบเดี่ยวๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (มากกว่าปี 2017 และ 2018 ที่ 12 เรื่องเท่ากัน) รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งปีที่มีหนังร้อยล้านครบทั้ง 10 อันดับแรกในบ้านเรา (เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว) และมีหนังไทยติดอันดับเข้ามามากกว่าหนึ่งเรื่องได้อีกหนึ่งปี (เท่ากับปีก่อนที่ 2 เรื่องเช่นกัน)
ส่วน 10 อันดับหนังทำเงินสูงสุดในบ้านเราประจำปี 2019 มีเรื่องอะไรบ้างนั้น? มาติดตามกันต่อเลยครับ

อันดับ 10 – Joker (119 ล้านบาท)
ถือเป็นหนังที่สร้างเซอร์ไพรส์ทางด้านรายได้ในบ้านเรา(และทั่วโลก)อยู่เหมือนกัน สำหรับหนังที่จับเอาคาแรคเตอร์มหาวายร้ายจากค่าย DC มาตีความใหม่เรื่องนี้ เพราะในด้านคุณภาพอาจจะไม่ผิดจากที่หลายๆ คนคาดหวังเอาไว้มากนัก แต่ด้วยโทนและแนวของหนังที่อาจจะไม่ได้หวือหวาอลังการเหมือนกับหนังที่ดัดแปลงจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ เลยอาจจะทำให้หลายๆ คนไม่กล้าคาดหวังว่ารายได้ของหนังจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้ในบ้านเรา (โดยก่อนหน้านั้น หนังซูเปอร์ฮีโร่อีกหนึ่งเรื่องของค่ายเมื่อปีก่อน อย่าง Shazam! ก็ทำเงินไปได้ไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก ที่ 71 ล้านบาท) ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว กระแสต่างๆ ก็ช่วยดันให้หนังทะลุหลักร้อยล้านในบ้านเราได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จนก้าวขึ้นไปถึง Top 5 หนังจากค่าย DC ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราในที่สุด (อยู่อันดับที่ 4) และกำลังจะกลับมาฉายในโรงอีกครั้ง ต้อนรับเทศกาลรางวัลจากการที่หนังเป็นตัวเต็งในหลายๆ สาขา

อันดับ 9 – John Wick: Chapter 3 – Parabellum (120 ล้านบาท)
หนังแอ็กชั่นบู๊ระห่ำที่นอกจากจะเดินทางมาไกลเกินความคาดหมายจนกลายเป็นหนังไตรภาคไปแล้ว ยังส่งให้พระเอก คีอานู รีฟส์ กลับมาเป็นดาราชื่อกระฉ่อนไปทั่วทั้งในบ้านเราและทั่วโลกได้อีกครั้ง ซึ่งนอกจากหนังจะทุบสถิติของสองภาคแรกลงแบบกระจุยกระจายอย่างง่ายดาย (เป็นภาคแรกที่ทำทะลุหลักร้อยล้าน แถมภาคนี้ภาคเดียวยังทำรายได้มากกว่าสองภาคแรกรวมกันเสียอีก!) ยังกลายเป็นหนังร้อยล้านเรื่องแรกในรอบ 16 ปีของพระเอก คีอานู รีฟส์ อีกด้วย (นับตั้งแต่หนังแอ็กชั่น-ไซไฟฟอร์มยักษ์ อย่าง The Matrix Reloaded เคยทำเอาไว้ที่ 131 ล้านบาท)

อันดับ 8 – Frozen 2 (129 ล้านบาท*) [* ยังไม่สิ้นสุดการฉาย]
ภาคต่อของแอนิเมชั่นที่สร้างปรากฏการณ์เอาไว้มากมายเมื่อหลายปีก่อน ถึงขั้นที่เพลงประกอบของหนังอย่าง Let It Go ยังคงฮิตติดปากคนดูมาจนทุกวันนี้ แต่ถึงแม้ว่ารายได้ของภาคแรกจะไม่ได้เยอะมากในระดับปรากฏการณ์สำหรับบ้านเรา (44 ล้านบาท) แต่ด้วยความนิยมและฐานแฟนๆ ที่ยังคงขยายขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เลยช่วยให้ภาคนี้ทำเงินแบบถล่มทลายถึงขั้นเป็นหนังแอนิเมชั่นทำเงินทะลุหลักร้อยล้านเป็นเรื่องที่สามของปีก่อน (ถัดจาก How to Train Your Dragon: The Hidden World และ The Lion King) และใช้เวลาหลังจากนั้นอีกไม่นาน ขึ้นแท่นเป็นหนังแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา ล้มแชมป์เก่าอย่าง Minions (ที่ 116 ล้านบาท) ลงได้ในที่สุด

อันดับ 7 – Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน (130 ล้านบาท)
หนังรอม-คอมต้อนรับวันวาเลนไทน์จากค่าย GDH ที่เห็นแค่หน้าหนังและนักแสดงนำก็พอจะเดาได้แล้วว่าต้องกลายเป็นหนังไทยฮิตถล่มทลายอีกหนึ่งเรื่องได้อย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่วันแรก ที่หนังสามารถทุบสถิติเปิดตัววันแรกสูงสุดของค่ายลงได้ จนกระทั่งกลายเป็นหนังไทยทำเงินทะลุหลักร้อยล้านเป็นเรื่องแรกของปีนี้ไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้สุดท้ายแล้ว หนังจะไม่สามารถไต่ขึ้นไปถึงบัลลังก์แชมป์หนังทำเงินสูงสุดของค่าย GDH ได้อย่างที่หวัง (ณ ตอนนั้นยังคงเป็นรอง น้อง.พี่.ที่รัก เพียงเรื่องเดียว ที่ 146 ล้านบาท) แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้ปั้นคู่พระ-นางร้อยล้านคู่ใหม่ขึ้นมาได้อีกหนึ่งคู่ นั่นก็คือพระเอกหนุ่มนาย ณภัทร และนางเอกสาวใบเฟิร์น พิมพ์ชนก และทำเงินสูงสุดในเครดิตของทั้งคู่อีกด้วย (แซงหนังเรื่องแรกของ คุณใบเฟิร์น อย่าง สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก ที่ 79 ล้านบาท)

อันดับ 6 – ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค (139 ล้านบาท*) [* ยังไม่สิ้นสุดการฉาย]
หนังไทยอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งต่อยอดมาจากซีรี่ส์เรื่องดังของทางค่าย GDH เอง อย่าง ไดอารีตุ๊ดซีส์ ที่ได้ทั้งดาราชุดเดิมจากทางซีรี่ส์ และดาราชื่อดังมากมายมาร่วมสมทบกันแบบคับคั่ง รวมไปถึงหน้าหนังที่ขายความฮาแบบเต็มเหนี่ยว เลยทำให้หนังสามารถโกยรายได้วันแรกซึ่งตรงกับวันหยุดวันพ่อแห่งชาติไปแบบถล่มทลาย (ซึ่งแน่นอนว่าทุบสถิติเปิดตัววันแรกสูงสุดของค่าย GDH จาก Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ไปแบบขาดลอย) จนสามารถแซงขึ้นมาเป็นหนังไทยทำเงินสูงสุดเมื่อปีก่อน (รับไม้ต่อมาจาก Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน) ได้ในที่สุด รวมทั้งกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดเรื่องใหม่ในเครดิตของนักแสดงหลายๆ ท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ได้หนังร้อยล้านในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑลเป็นเรื่องแรกอย่างเป็นทางการเสียที (เคยเข้าไปใกล้ที่สุดจาก คุณนายโฮ ที่ 96 ล้านบาท)

อันดับ 5 – Maleficent: Mistress of Evil (152 ล้านบาท)
เมื่อปีก่อน ค่ายดิสนี่ย์มีหนัง Live-Action ดัดแปลงจากแอนิเมชั่นยุคคลาสสิคของค่ายตัวเองออกมามากถึง 4 เรื่องด้วยกัน แถมสามในสี่เรื่องที่ว่าต่างก็สามารถทำเงินทะลุหลักร้อยล้านในบ้านเราได้อีกด้วย แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่ยืนหยัดอยู่ใน Top 10 ปีก่อนได้ คือหนังภาคต่อของแม่มาลี นางฟ้าปีศาจ ที่กระแสในอเมริกาหรือหลายๆ ประเทศในโลกอาจจะเงียบเหงาจากภาคแรกลงมาพอสมควร แต่สำหรับบ้านเรากลับตรงกันข้าม เพราะสามารถทุบสถิติต่างๆ ของภาคแรกลงได้อย่างง่ายดายตั้งแต่วันแรก ยาวไปจนถึงแซงรายได้รวม (ภาคแรกทำเอาไว้ที่ 129 ล้านบาท) และทะยานขึ้นไปครองบัลลังก์หนังคนแสดงดัดแปลงจากแอนิเมชั่นของค่ายดิสนี่ย์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราได้ในที่สุด (แซง The Jungle Book ที่ 132 ล้านบาท)

อันดับ 4 – Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw (172 ล้านบาท)
ถึงเวลาที่ตระกูลหนังรถซิ่งชื่อดัง อย่าง Fast & Furious จะขยายจักรวาลให้ไกลออกไปกว่าเดิม ด้วยการนำร่องส่งสองตัวละครขาบู๊คู่กัดอย่าง Luke Hobbs และ Deckard Shaw มาลุยหนังภาคแยกร่วมกันซะเลย ซึ่งลำพังแค่พลังดาราของทั้งสองคนก็ถือว่าสูงพอตัวอยู่แล้วในบ้านเรา ยิ่งมาอยู่ในหนังฟอร์มโตบู๊ล้างผลาญเอาใจตลาด แถมยังมีชื่อของ Fast & Furious ปะหน้าไว้ด้วยอีก โอกาสทำเงินถล่มทลายจึงอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น! ซึ่งสุดท้ายแล้วหนังภาคแยกเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ออกสตาร์ทแบบกระหึ่มอย่างที่หวังไว้ แต่ก็ยังไล่ตามหนัง Fast & Furious ภาคก่อนๆ มาได้พอสมควร (สูงเป็นอันดับ 4 ในจักรวาลหนัง Fast & Furious ด้วยกัน)

อันดับ 3 – Spider-Man: Far from Home (238 ล้านบาท)
ถือเป็นหนังไอ้แมงมุมภาคที่ได้อานิสงค์ค่อนข้างหลายเด้งอยู่เหมือนกัน แม้โดยดั้งเดิมหนังซูเปอร์ฮีโร่พลังแมงมุมตัวนี้จะโด่งดังมาแต่แรกอยู่แล้วในบ้านเรา (ทำเงินทะลุหลักร้อยล้านได้ทุกภาค) แต่การได้เข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาจักรวาลมาร์เวลตั้งแต่ภาคก่อน และการกลายเป็นหนังฉายปิดเฟส 3 จักรวาลมาร์เวล (หลังมหาสงครามชิงอัญมณี) ของภาคนี้ ก็ยิ่งช่วยผลักดันให้หนังทำเงินก้าวกระโดดขึ้นไปจากภาคก่อนค่อนข้างมากทีเดียว (กลายเป็นหนังไอ้แมงมุมภาคแรกที่ทำเงินทะลุหลักสองร้อยล้านในบ้านเรา และทำเงินมากกว่าภาคก่อน อย่าง Spiderman: Homecoming ซึ่งเป็นภาคที่เคยทำเงินสูงที่สุดไปถึงห้าสิบล้านบาท)

อันดับ 2 – Captain Marvel (260 ล้านบาท)
หนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลประเดิมปี 2019 ซึ่งเป็นการเปิดตัวฮีโร่หญิงหน้าใหม่ของค่าย และเหมือนเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนเข้าสู่บทสรุปแห่งมหาสงครามชิงอัญมณี จึงทำให้ซูเปอร์ฮีโร่หญิงคนนี้กวาดรายได้เหนือฮีโร่รุ่นพี่ไปหลายเรื่อง รวมไปถึงยึดสองสถิติอย่าง หนังซูเปอร์ฮีโร่หญิงทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา (แซง Wonder Woman ที่ 117 ล้านบาท) และหนังซูเปอร์ฮีโร่ฉายเดี่ยวภาคแรก ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา (แซง Aquaman ที่ 254 ล้านบาท) จากค่าย DC มาอีกด้วย

อันดับ 1 – Avengers: Endgame (617 ล้านบาท)
บทสรุปมหาสงครามสุดยิ่งใหญ่ของจักรวาลมาร์เวลที่ปูให้แฟนๆ และคนดูรอคอยกันมาอย่างยาวนานนับสิบปี หลังจากภาคก่อนทำสถิติต่างๆ เอาไว้มากมายจนขึ้นแท่นเป็นทำเงินสูงสุดของปี 2018 ได้อย่างไม่ยากเย็น พอมาถึงภาคนี้ความกระหึ่มก็ยิ่งทวีคูณจากภาคก่อนขึ้นไปอีก จนเรียกได้ว่าเป็นการไล่ทุบสถิติต่างๆ ในบ้านเราที่ภาคก่อนทำเอาไว้แทบจะรายวันกันเลยทีเดียว! ไล่ไปตั้งแต่หนังทำเงินวันแรกสูงสุดตลอดกาล, สุดสัปดาห์แรกสูงสุดตลอดกาล ยิงยาวไปจนถึงแซงรายได้รวมของภาค Infinity War (420 ล้านบาท) ขึ้นเป็นต่างประเทศทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราพ่วงตำแหน่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล แต่ที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือการทำเงินแซงหนังไทยสุดฮิต พี่มาก..พระโขนง (568 ล้านบาท) ขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราได้ในที่สุด

Top 10 ปี 2019 ทำเงินรวมกันทะลุสองพันล้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ที่ 2,080 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่าปีก่อนอยู่พอสมควร (ที่ 2,020 ล้านบาท)