ยังคงเป็นช่วงเวลาทองของหนังไทยต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ เมื่อหนังไทยฟอร์มเต็งอย่าง ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค รับมงกุฎแชมป์ไปครองต่อได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน จากรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่เก็บไปอีก 21.34 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรก 67%) ซึ่งเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สองสูงที่สุดในกลุ่มหนังไทยปีนี้ (เฉือนชนะ Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ไปเพียงแสนเดียวเท่านั้น!) และสูงในระดับ Top 10 ของหนังในปีนี้ด้วยกัน (อยู่อันดับที่ 8 ตามหลังเจ้าป่า The Lion King ไม่มากนัก ที่ 22 ล้านบาท) ส่วนรายได้รวมสองสัปดาห์ ทำไปแล้วทั้งสิ้น 113.61 ล้านบาท กลายเป็นหนังร้อยล้านเรื่องที่ 13 ของปีนี้ (และเรื่องที่ 2 ในกลุ่มหนังไทยด้วยกัน) โดยใช้เวลาไปทั้งสิ้นเพียง 9 วันเท่านั้น ซึ่งเร็วที่สุดในกลุ่มหนังไทยปีนี้ด้วยกัน (หนังไทยร้อยล้านอีกหนึ่งเรื่องในปีนี้ อย่าง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ใช้เวลาทั้งสิ้น 11 วัน) และเป็นหนังจากค่าย GDH ที่ทำเงินทะลุหลักร้อยล้านเร็วที่สุด เทียบเท่ากับ น้อง.พี่.ที่รัก ซึ่งใช้เวลาไป 9 วันเช่นกัน (แต่ น้อง.พี่.ที่รัก ทำเงิน 9 วันเฉือนชนะไปนิดหน่อยเพียงไม่กี่แสนบาท)

ส่วนในเครดิตของทีมนักแสดงนั้น ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค ขึ้นแท่นเป็นหนังร้อยล้านเรื่องแรกและทำสถิติเป็นหนังทำเงินสูงสุดของเกือบทุกคนอย่างถ้วนหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ได้หนังร้อยล้านในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่เป็นเรื่องแรกอย่างเป็นทางการเสียที (หลังจากที่เคยเกือบจะทำได้มาแล้วจากหนังตลก คุณนายโฮ เมื่อเจ็ดปีก่อน ซึ่งหยุดรายได้เอาไว้ที่ 96 ล้านบาท) รวมไปถึงคุณพีค ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ ที่หากไม่นับหนังฮิตเซอร์ไพรส์อย่าง รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ ซึ่งคุณพีคเคยร่วมเล่นด้วยในบทรับเชิญเล็กๆ จะถือเป็นการขึ้นมามานั่งบัลลังก์ แทนที่หนังแจ้งเกิดของคุณพีคอย่าง สายลับจับบ้านเล็ก (67 ล้านบาท) ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หนังสืบสวนรวมดาราที่ชิมลางเข้าฉายรอบพิเศษไปตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อน อย่าง Knives Out กระโดดขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งรองแชมป์ ด้วยรายได้สุดสัปดาห์แรก 11.77 ล้านบาท (รวมรายได้รอบพิเศษ ทำเงินรวมไปแล้ว 19.79 ล้านบาท) ซึ่งทำได้ใกล้เคียงกับหนังแนวสืบสวนรวมดาราดังเช่นกัน อย่าง Murder on the Orient Express เมื่อสองปีก่อน ซึ่งเคยเปิดตัวตัวเอาไว้ในบ้านเราที่ 12 ล้านบาท รวมไปถึงกลายเป็นหนังเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในเครดิตของผู้กำกับไรอัน จอห์นสัน มากกว่าหนังไซไฟ Looper ที่ 10 ล้านบาท(แต่แน่นอนว่าตามหลังหนังสงครามอวกาศฟอร์มยักษ์ภาคก่อน อย่าง Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi ที่ 52 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น) และเป็นหนังเปิดตัวระดับสิบล้านเรื่องแรกในรอบหลายปีของสองนักแสดงชาย อย่าง แดเนียล เคร็ก และ คริส อีแวนส์ อีกด้วย หากไม่นับหนังตระกูลดังที่สร้างชื่อให้ทั้งคู่มากๆ อย่างจักรวาลเจมส์ บอนด์ และจักรวาลมาร์เวลของค่ายดิสนี่ย์ (แดเนียล เคร็ก ถือเป็นหนังเปิดตัวสูงสุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่หนังไซไฟแหวกแนว Cowboys & Aliens เคยเปิดตัวเอาไว้ที่ 14 ล้านบาท ส่วนหนุ่ม คริส อีแวนส์ ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 12 ปีเลยทีเดียว นับตั้งแต่หนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลของค่าย Fox อย่าง Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer เคยเปิดตัวในบ้านเราไป 34 ล้านบาท)
อีกหนึ่งหนังใหม่ประจำสุดสัปดาห์นี้ กับหนังไทยแนวโรแมนติก อย่าง ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก…รักมั้ยลุง เข้ามาในอันดับที่สาม ด้วยรายได้เปิดตัว 8.6 ล้านบาท ซึ่งสูงในระดับ Top 10 หนังไทยเปิดตัวสูงสุดของปีนี้อยู่ (อยู่อันดับที่ 9 ตามหลัง บอดี้การ์ด หน้าหัก ที่เพิ่งเข้าฉายไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ที่ 9 ล้านบาท) รวมไปถึงกลายเป็นหนังเปิดตัวสูงอันดับ 3 ในเครดิตของพระเอก อย่าง คุณเคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ (ตามหลัง รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ และ The Pool นรก 6 เมตร ซึ่งเรื่องหลังเปิดตัวไปเมื่อปีก่อนไป 13 ล้านบาท) และเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในเครดิตของนางเอก อย่าง คุณพรอยมน มนสภรณ์ ชาญเฉลิม (ตามหลังหนังเรื่องแรกเมื่อปีก่อน อย่าง น้อง.พี่.ที่รัก ซึ่งเปิดตัวเอาไว้สูงถึง 66 ล้านบาท)
หนังแอนิเมชั่นภาคต่อสุดฮิต Frozen 2 ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 3.65 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อน 72%) ซึ่งเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สี่สูงเป็นอันดับ 5 ของปีนี้ (ตามหลังหนังแฟนตาซี Aladdin ไปเพียงแสนเดียวเท่านั้น ที่ 3.7 ล้านบาท) และทำเงินรวมสี่สัปดาห์ไปแล้ว 125.37 ล้านบาท กระโดดขึ้นมาอยู่อันดับที่ 7 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้แล้ว (ตามหลัง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ที่ 130 ล้านบาท)
หนังแข่งรถลุ้นติดเบาะ Ford v Ferrari กลายเป็นหนังทำเงินลดลงน้อยที่สุด ใน Top 10 สุดสัปดาห์นี้ จากรายได้ที่เก็บไปอีก 2.83 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อนไม่ถึงครึ่ง ที่ 44%) และทำเงินรวมสามสัปดาห์ไปแล้ว 12.05 ล้านบาท กำลังจะแซงรายได้รวมตลอดการฉายของอีกหนึ่งหนังแข่งรถดัดแปลงจากเรื่องจริง อย่าง Rush ในอีกไม่ช้านี้แล้ว (ห่างกันอีกไม่ถึงหลักล้านบาท)
หนังรักเรื่องใหม่ต้อนรับช่วงเทศกาล อย่าง Last Christmas เปิดตัวสี่วันสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 2.16 ล้านบาท (และทำเงินรวมหกวันไปแล้ว 3.29 ล้านบาท) ซึ่งลดลงมาจากผลงานเรื่องก่อนหน้าของสองนักแสดงนำของเรื่อง ทั้งนางเอกสาว เอมิเลีย คลาร์ก (หากไม่นับหนังฟอร์มโตอย่าง Solo: A Star Wars Story ก็ถือว่าลดลงมาจากหนังฮิตเซอร์ไพรส์ในบ้านเรา อย่าง Me Before You ที่ 22 ล้านบาทอยู่พอสมควร) , พระเอกหนุ่มเฮนรี่ โกลดิง และผู้กำกับพอล ฟีก (ที่เพิ่งจะมีผลงานร่วมกันไปเมื่อปีก่อนอย่าง A Simple Favor เปิดตัวเอาไว้ไม่ห่างมากนัก ที่ 3 ล้านบาท)
หนังแอนิเมชั่นภาคต่อที่ชิมลางเข้าฉายรอบพิเศษไปตั้งแต่สุดสัปดาห์ก่อนเช่นกัน อย่าง The Angry Birds Movie 2 ทำเงินสุดสัปดาหืนี้ในบ้านเราไป 1.74 ล้านบาท (รวมรายได้จากการเข้าฉายรอบพิเศษ ทำเงินไปแล้วทั้งสิ้น 3.52 ล้านบาท) ซึ่งถือว่ากระแสเงียบเหงาลงมาจาก The Angry Birds Movie ภาคแรกค่อนข้างมากเลยทีเดียว (ภาคแรกเคยเปิดตัวเอาไว้เมื่อสามปีก่อนที่ 18 ล้านบาท)
หนังแอนิเมชั่นสึดฮิตในแดนมังกร อย่าง Ne Zha ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 1.28 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรก 74%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 7.46 ล้านบาท ยังพอมีโอกาสขึ้นไปลุ้นตำแหน่งหนังจีนทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้อยู่ (ล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 3 ตามหลัง Jade Dynasty ของหนุ่มเซียวจ้านและ The Knight of Shadows: Between Yin and Yang ของพระเอกเฉินหลงอีกไม่ถึงหลักล้านบาทแล้ว)
และอนิเมะหนังโรง อย่าง Violet Evergarden -Eternity and the Auto Memory Doll- เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 6.9 แสนบาท ซึ่งพลาดเข้าสู่ Top 10 หนังญี่ปุ่นเปิดตัวสูงสุดในบ้านเราปีนี้ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น (อยู่อันดับที่ 11 ตามหลัง Brave Father Online: Our Story of Final Fantasy XIV เพียงแค่หมื่นเดียว)

Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไปทั้งสิ้น 54 ล้านบาท
ลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 44% (97 ล้านบาท)
และลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน 47% (104 ล้านบาท)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย DC อย่างเจ้าสมุทร Aquaman ขึ้นครองบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่ด้วยรายได้เปิดตัวที่สูงถึง 93 ล้านบาท