ถึงคราวของหนังไทยก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์กันบ้าง กับหนังแอ็กชั่นไสยเวทภาคต่อ อย่าง จอมขมังเวทย์ 2020 ที่เบียดหนังใหม่เรื่องอื่นๆ คว้าบัลลังก์ไปครองได้เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ด้วยรายได้เปิดตัว 2.89 ล้านบาท โดยเป็นรายได้วันแรกสูงอันดับ 8 ในกลุ่มหนังไทยปีนี้ด้วยกัน (ตามหลัง แสงกระสือ ที่ 3 ล้านบาท) ซึ่งรวมไปถึงตามหลังหนังไทยอีกหนึ่งเรื่องในปีนี้ที่เกี่ยวข้องกับแนวแอ็กชั่นไสยศาสตร์ อย่าง ขุนแผน ฟ้าฟื้น เคยเปิดตัววันแรกเอาไว้เมื่อเดือนก่อนไป 3.9 ล้านบาท ส่วนในเครดิตของทีมนักแสดงและผู้กำกับนั้น ในกลุ่มตัวละครใหม่ของภาคนี้ นอกจากคุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ , คุณก๊อต จิรายุ ตันตระกูล และคุณแพร์ พิชชาภา พันธุมจินดา ที่เพิ่งจะมีผลงานหนังไทยในเครดิตเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก มีหนึ่งท่านที่เพิ่งจะมีผลงานเรื่องก่อนหน้าเข้าฉายไปไม่นานนี้เองคือคุณคิทตี้ ชิชา อมาตยกุล ในหนังเรื่อง โจรปล้นโจร (เปิดตัววันแรกไป 1.2 แสนบาท) และคุณนก สินจัย เปล่งพานิช ที่ห่างหายจากจอใหญ่ไปสามปี (เรื่องล่าสุดคือหนังดราม่า Fathers) ขณะที่นักแสดงและผู้กำกับจากภาคก่อนอย่างคุณนก ฉัตรชัย เปล่งพานิช และคุณต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ถือว่าห่างหายจากจอใหญ่กันไปนานพอสมควร โดยเฉพาะผู้กำกับต้อมที่ว่างเว้นไปถึง 6 ปีเต็ม (ผลงานเรื่องก่อนหน้าคือหนังสยองขวัญ ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อต้องลบหลู่ ซึ่งเปิดตัววันแรกไปเกือบ 5 ล้านบาท)

หนังใหม่ตัวเต็งอีกหนึ่งเรื่องคือหนังแอ็กชั่นฟอร์มโต อย่าง Gemini Man ผลงานอีกหนึ่งเรื่องในปีนี้ของพระเอกซูเปอร์สตาร์ วิลล์ สมิธ ที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชาวเอเชียดีกรีออสการ์ อัง ลี่ เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 2.14 ล้านบาท ซึ่งอาจจะไม่ใช่รายได้ที่หวือหวามากนัก โดยเฉพาะสำหรับพระเอกวิลล์ สมิธ ที่เพิ่งจะมีหนังคืนฟอร์มทำเงินไปในปีนี้ อย่าง Aladdin เปิดตัววันแรกไปมากกว่าเท่าตัว ที่ 4.6 ล้านบาท แต่สำหรับผู้กำกับ อัง ลี่ ถือเป็นรายได้เปิดตัววันแรกที่สูงที่สุดหลังจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มโตอย่าง The Hulk เมื่อ 16 ปีก่อนโน่นเลยทีเดียว (แซง Life of Pi ซึ่งเคยเปิดตัววันแรกเมื่อเจ็ดปีก่อนไป 1 ล้านบาท)
ยังคงอยู่กับหนังใหม่อีกหนึ่งเรื่อง กับหนังจีนกำลังภายในฟอร์มยักษ์ Jade Dynasty ผลงานบนจอใหญ่ครั้งแรกแบบเต็มตัวของพระเอกหนุ่ม เซียวจ้าน จากซีรี่ย์เรื่องดัง The Untamed (หรือในชื่อไทยว่า ปรมาจารย์ลัทธิมาร) เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 1.34 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัววันแรกสูงอันดับ 2 ในกลุ่มหนังจีนที่เข้าฉายในบ้านเราปีนี้ด้วยกัน (เป็นรองหนังแฟนตาซี The Knight of Shadows: Between Yin and Yang ของพระเอกเฉินหลง ซึ่งเปิดตัวช่วงวันตรุษจีนไป 1.4 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียว) และสูงเป็นอันดับ 6 ในกลุ่มหนังเอเชียปีนี้ (ตามหลังหนังจากวง K-Pop ชื่อดัง BTS อย่าง Bring The Soul: The Movie เพียงแสนเดียว) รวมไปถึงขึ้นแท่นเป็นหนังเปิดตัววันแรกสูงสุดของพระเอกหนุ่ม เซียวจ้าน ในบ้านเรา มากกว่าอีกหนึ่งหนังจีนฟอร์มโตเมื่อปีก่อนอย่าง Monster Hunt 2 ที่ หนุ่มเซียวจ้านได้ร่วมแสดงด้วย (เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 6 แสนบาท) และเป็นหนังเปิดตัววันแรกเกินหลักล้านในบ้านเราอีกหนึ่งเรื่องของผู้กำกับชิง เสี่ยวตง นับตั้งแต่หนังแฟนตาซีอย่าง The Sorcerer and the White Snake ของพระเอก เจ็ท ลี เคยทำเอาไว้เมื่อแปดปีก่อน (ที่ 1 ล้านบาท)
แชมป์เก่าเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนอย่างหนังสงครามโลกเอฟเฟคสนั่นจอ Midway ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 5.5 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 77%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 15.51 ล้านบาท ซึ่งยังต้องลุ้นในการทำเงินทะลุหลักยี่สิบล้านกันอยู่ แต่ที่ทำได้ไปแล้วขึ้นแท่นเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่สองทำเงินสูงสุดในบ้านเราในรอบสองปี (มากกว่ารายได้รวมของ Darkest Hour เมื่อปีก่อน ที่ 4 ล้านบาทไปตั้งแต่สุดสัปดาห์แรก) และสูงเป็นอันดับ 2 ในรอบห้าปีที่ผ่านมา เป็นรอง Dunkirk เของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน (ทำเอาไว้เกือบห้าสิบล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มหนังสงครามโลกในบ้านเรา) เพียงเรื่องเดียว
อีกหนึ่งหนังใหม่คือหนังโรงภาคล่าสุดของอนิเมะดัง อย่าง Code Geass: Lelouch of the Re;Surrection เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 2.6 แสนบาท ซึ่งเรียกได้ว่าทุบสถิติของภาคก่อนแบบแทบจะราบคาบ โดยใช้เวลาเพียงวันเดียว ขึ้นแท่นเป็นหนังโค้ดกีอัสภาคที่เปิดตัวสูงที่สุดในบ้านเรา (มากกว่ารายได้ตลอดสี่วันสุดสัปดาห์ของ Code Geass: Lelouch of the Rebellion Movie 3 เมื่อปีก่อนที่ 2.3 แสนบาทเสียอีก) และสูงเป็นอันดับ 7 ในกลุ่มหนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายในบ้านเราปีนี้ (ตามหลังหนังรวมพลังไอ้มดแดง Kamen Rider Heisei Generations FOREVER ไม่มาก ที่ 3.2 แสนบาท)
ส่วนรองแชมป์เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน อย่างหนังภาคต่อ Doctor Sleep เก็บเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 2.2 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 66%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 5.08 ล้านบาท เริ่มที่จะตามหลังอีกหนึ่งหนังสยองขวัญ ดัดแปลงจากนิยายของ สตีเฟ่น คิง ในปีนี้เช่นกัน อย่าง Pet Sematary ห่างออกไปมากกว่าหลักล้านบาทแล้ว (เรื่องหลังทำเงินแปดวันไปมากกว่า 6 ล้านบาท)
หนังแฟนตาซีสุดฮิต Maleficent: Mistress of Evil ทำเงินทะลุหลักร้อยห้าสิบล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เป็นเรื่องที่ 5 ของปีนี้) จากรายได้วันพฤหัสนี้ที่เก็บไปอีก 1.4 แสนบาท และทำเงินรวมสามสิบวันไปแล้ว 150.73 ล้านบาท
หนังซอมบี้เฮฮา Little Monsters กลายเป็นหนังที่ทำเงินลดลงน้อยที่สุดใน Top 10 วันพฤหัสที่ผ่านมา จากรายได้ที่เก็บไปอีก 9.6 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรกเกินครึ่งไปนิดเดียว ที่ 52%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 2.34 ล้านบาท
หนังไทยอีกหนึ่งเรื่อง อย่าง ดิว ไปด้วยกันนะ ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 9.2 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 72%) และทำเงินรวมสิบห้าวันไปแล้ว 9.42 ล้านบาท ยังต้องลุ้นว่าหนังจะทำเงินทะลุหลักสิบล้านได้หรือไม่กันอีกพอสมควร แต่ที่ทำได้แล้วคือการทำเงินรวมแซง The Eyes Diary ผลงานเรื่องก่อนของผู้กำกับมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ไปแล้ว (ที่ 8 ล้านบาท)
และหนังคนเหล็กภาคล่าสุด อย่าง Terminator: Dark Fate ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 5.1 หมื่นบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 85%) และทำเงินรวมยี่สิบสามวันไปแล้ว 53.67 ล้านบาท แซงรายได้รวมของ X-Men: Dark Phoenix (53 ล้านบาท) ไปเป็นที่เรียบร้อย
