ยังคงกระแสแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับหนังภาคต่อฟอร์มเต็งอย่าง Maleficent: Mistress of Evil ที่ยังคงครองบัลลังก์แชมป์ต่อเป็นวันที่สอง กับรายได้วันพฤหัสที่เก็บไปอีกถึง 12.93 ล้านบาท (ลดลงจากวันแรก 23%) ซึ่งเป็นรายได้วันพฤหัสแรกสูงเป็นอันดับ 8 ของปีนี้ (แทนที่ Joker ที่ 11 ล้านบาท) แต่ถ้านับเฉพาะหนังที่เข้าฉายวันแรกตั้งแต่วันพุธด้วยกัน แม่มาลีคือหนังที่ทำเงินวันพฤหัสแรกสูงเป็นอันดับ 5 ของกลุ่มนี้ (ตามหลังสามหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล อย่าง Avengers: Endgame , Captain Marvel , Spider-Man: Far From Home และหนังแอ็กชั่นภาคแยก Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw) รวมไปถึงเป็นรายได้วันพฤหัสแรกสูงสุดในกลุ่มหนังดัดแปลงจากแอนิเมชั่นชื่อดังของค่ายดิสนี่ย์ในปีนี้ด้วยกันอีกด้วย (ทิ้งห่าง The Lion King ซึ่งทำเงินวันที่สองไป 7 ล้านบาท) ส่วนรายได้รวมสองวันของหนังนั้นทำไปแล้ว 29.78 ล้านบาท มากกว่า Maleficent ภาคแรกที่เคยทำเงินสองวันรวมกับรอบพิเศษไป 23 ล้านบาท

แชมป์เก่าสองสมัยอย่าง Joker เก็บเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 1.19 ล้านบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 82%) ซึ่งเป็นรายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สามสูงเป็นอันดับที่ 6 ของปีนี้ และทำเงินรวมสิบห้าวันไปแล้วทั้งสิ้น 107.19 ล้านบาท

ด้านหนังไทยแอ็กชั่น-แฟนตาซีปนฮา อย่าง ขุนแผน ฟ้าฟื้น ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 7.8 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 80%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 20.46 ล้านบาท เข้าป้ายหนังไทยทำเงินเกินยี่สิบล้านบาทเรื่องที่ 4 ของปีนี้อย่างเป็นทางการแล้ว (ตามหลัง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน , พี่นาค และ แสงกระสือ) รวมไปถึงกลายเป็นหนังทำเงินทำเงินสูงสุดในเครดิตของนักแสดงหลายๆ ท่าน โดยเฉพาะคนที่เคยมีผลงานบนจอใหญ่มาแล้ว อย่าง หนุ่มหรั่ง อภิวิชญ์ (ผลงานเรื่องก่อน อย่าง App War แอปชนแอป ทำรายได้รวมเอาไว้ที่ 18 ล้านบาท) หรือหมอริท เรืองฤทธิ์ (มากกว่าผลงานเรื่องก่อนในปีนี้ อย่าง สิ้น 3 ต่อน ที่ 7 ล้านบาท) และทำเงินมากกว่าผลงานร่วมกันเรื่องก่อนของพระเอกหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ และผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ อย่าง Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน (ทำเงินเอาไว้ที่ 14 ล้านบาท) อีกด้วย (โดยขุนแผนเวอร์ชั่นนี้ คือหนังทำเงินมากกว่ายี่สิบล้านบาทเรื่องที่ 12 ของหนุ่มโอ้ หากนับเรื่องที่มีบทรับเชิญ อย่าง ชั่วฟ้าดินสลาย เข้าไปด้วย)

อนิเมะหนังโรงภาคล่าสุดประจำปีนี้ของโดราเอม่อน อย่าง Doraemon: Nobita’s Chronicle of the Moon Exploration ทำเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 1.2 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้ว 86%) และทำเงินรวมสิบห้าวันไปแล้ว 13.87 ล้านบาท เบียดแซง Dragon Ball Super: Broly (13.8 ล้านบาท) เข้าสู่ Top 5 หนังอนิเมะญี่ปุ่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราเรียบร้อยแล้ว และน่าจะเป็นอันดับสูงสุดของกลุ่มที่โดราเอม่อนภาคนี้จะสามารถไต่ขึ้นมาได้แล้ว (เพราะยังตามหลังหนังอนิเมะในปีนี้เช่นกัน อย่าง Weathering With You ที่เพิ่งจะทะลุหลักยี่สิบล้านไปไม่นานี้เองอยู่พอสมควร) ส่วนอันดับในกลุ่มหนังแอนิเมชั่นปีนี้ด้วยกัน โดราเอม่อนของเรามาหยุดอยู่ที่อันดับ 8 ตามหลัง The Secret Life of Pets 2 อยู่พอประมาณ ที่ 16 ล้านบาท

ส่วนสองหนังใหม่ซึ่งเข้าฉายวันแรกเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา เริ่มกันที่หนังอนิเมะสัญชาติญี่ปุ่นที่คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที อย่าง Ride Your Wave ของผู้กำกับมาซาอากิ ยูอาสะ ทำเงินวันแรกในบ้านเราไป 1.2 แสนบาท ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัววันแรกสูงอันดับที่ 6 ในกลุ่มหนังอนิเมะญี่ปุ่นที่มาเข้าฉายในบ้านเราปีนี้ด้วยกัน (ตามหลัง Fate/stay night: Heaven’s Feel II. lost butterfly อยู่พอสมควร ที่ 4 แสนบาท) และอยู่อันดับที่ 7 หนังญี่ปุ่นเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ (ตามหลัง Kamen Rider Heisei Generations FOREVER ที่ 3 แสนบาท)

อีกหนึ่งเรื่องคือหนังสารคดีตามติดชีวิตร็อกสตาร์ชื่อดัง เลียม กัลลาเกอร์ อย่าง As It Was ทำเงินเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 8.9 หมื่นบาท ซึ่งใกล้เคียงกับที่หนังสารคดีวงร็อกดังในอดีตของเลียมและพี่ชาย อย่าง Oasis: Supersonic เคยทำเอาไว้เมื่อสามปีก่อน (ที่ 9 หมื่นบาท ในวงจำกัด) และกลายเป็นหนังสารคดีเปิดตัววันแรกสูงเป็นอันดับที่ 3 ของปีนี้ (ตามหลังหนังทั้งสองเรื่องของวง BTS อย่าง BTS World Tour: Love Yourself in Seoul และ Bring The Soul: The Movie ซึ่งทำเงินวันแรกเอาไว้มากกว่าหนึ่งล้านบาทด้วยกันทั้งคู่)