ด้วยอานิสงค์จากโปรโมชั่นลดราคาตั๋วของโรงหนังหลายๆ เครือในวันที่ 10 เดือน 10 ช่วยให้ทั้งหนังเข้าใหม่และหนังเก่าทำเงินในวันพฤหัสที่ผ่านมากันไปพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์อย่าง Joker ที่ยังคงเกาะบัลลังก์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จากรายได้ที่เก็บไปอีก 6.88 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากวันพฤหัสแรกน้อยมาก เพียง 39% เท่านั้น ทำสถิติเป็นหนังที่เปิดตัววันแรกมากกว่าห้าล้านบาทแล้วทำรายได้ในวันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองลดลงจากสุดสัปดาห์แรกน้อยที่สุดของปีนี้ (ทิ้งห่างแชมป์เก่าอย่าง Aladdin ไปพอสมควร ที่ 47%) และเป็นหนังที่ทำรายได้ในวันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองลดลงจากสุดสัปดาห์แรกน้อยเป็นอันดับ 8 ของปีนี้ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือรายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองที่โจ๊กเกอร์ทำได้ สูงเป็นอันดับที่ 2 ของปีนี้เลยทีเดียว (เป็นรอง Avengers: Endgame ที่ 18 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียว) และสูงเป็นอันดับ 2 ของหนังในจักรวาล DC ด้วยเช่นกัน (ตามหลังเจ้าสมุทร Aquaman ที่เพิ่งทำสถิติใหม่ให้กับค่ายเอาไว้เมื่อปีก่อน ที่ 8 ล้านบาท)
ส่วนรายได้รวมแปดวันของโจ๊กเกอร์นั้น กวาดไปแล้วทั้งสิ้น 80.08 ล้านบาท ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งหนังจากค่าย DC ทำเงินสูงสุดของปีนี้ แทนที่ Shazam! (ที่ 71 ล้านบาท) เป้นที่เรียบร้อยแล้ว และมีลุ้นทำเงินทะลุหลักร้อยล้านภายในช่วงวันหยุดยาวนี้อีกด้วย

ด้านหนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา คือหนังไทยฟอร์มเต็ง ที่นำวรรณคดีย้อนยุคมาตีความใหม่ อย่าง ขุนแผน ฟ้าฟื้น ทำเงินวันแรกไปทั้งสิ้น 3.98 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัววันแรกของหนังไทยสูงอันดับที่ 4 ของปีนี้ (ตามหลังหนังผีปนฮาอย่าง พี่นาค ที่ 4.7 ล้านบาท) ส่วนในเครดิตของทีมนักแสดงและผู้กำกับนั้น ขุนแผนเวอร์ชั่นนี้กลายเป็นหนังทำเงินวันแรกสูงสุดในเครดิตของหลายๆ คนไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งกลุ่มนักแสดงหนังโรงหน้าใหม่ (นางเอกสาว ฟ้า ยงวรี, หนุ่ม ฟิลลิปส์ ณัทธนพล, หนุ่ม โจเซฟ สิรินัฎฐ์ และนักแสดงรุ่นเยาว์อย่างน้องรถบัส ภคพล) และกลุ่มนักแสดงที่เคยมีผลงานภาพยนตร์มาแล้ว อย่างหนุ่มหรั่ง อภิวิชญ์ (มากกว่า App War แอปชนแอป ซึ่งเปิดตัววันแรกเอาไว้ที่ 1.3 ล้านบาท) หรือหมอริท เรืองฤทธิ์ (มากกว่าผลงานในปีนี้เช่นกัน อย่าง สิ้น 3 ต่อน ที่ 9 แสนบาท) รวมไปถึงกลายเป็นหนังเปิดตัววันแรกสูงสุดในรอบ 6 ปีของพระเอกหนุ่มมาริโอ้ เมาเร่อ (นับตั้งแต่หนังไทยพันล้านอย่าง พี่มาก..พระโขนง เปิดตัววันแรกสูงเป็นสถิติของหนุ่มโอ้เอาไว้ถึง 21 ล้านบาท) และเป็นหนังที่ร่วมงานกันระหว่างหนุ่มมาริโอ้, ผู้กำกับโขม ก้องเกียรติ โขมศิริ เปิดตัววันแรกสูงที่สุดอีกด้วย (มากกว่าหนังสยองขวัญ Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน ที่ 2 ล้านบาท)

หนังอนิเมะภาคล่าสุดของโดราเอม่อน อย่าง Doraemon: Nobita’s Chronicle of the Moon Exploration กลายเป็นหนังเก่าอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเงินลดลงน้อยมากๆ เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา จากรายได้ที่เก็บไปอีก 9.1 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรกเพียง 28% เท่านั้น ซึ่งลดลงน้อยเป็นอันดับ 6 ของปีนี้ และน้อยเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มหนังเปิดตัววันแรกเกินหลักล้านบาทด้วยกัน เป็นรอง The Kid Who Would Be King ที่ 22% เพียงเรื่องเดียว) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 9.31 ล้านบาท เบียดแซง Detective Conan Movie 23: The Fist of Blue Sapphire (8 ล้านบาท) ขึ้นมาเป็นหนังญี่ปุ่นทำเงินสูงอันดับ 3 ของปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงเข้าสู่ Top 5 หนังเอเชียทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้แล้วด้วยเช่นกัน (มาอยู่อันดับที่ 4 แทนที่ The Knight of Shadows: Between Yin and Yang ของพระเอกนักบู๊เฉินหลง ที่ 8 ล้านบาท)
อีกหนึ่งหนังใหม่ใน Top 10 สุดสัปดาห์นี้คือหนังการเมืองเข้มข้น อย่าง Official Secrets ที่เปิดตัววันแรกไป 3.1 แสนบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับเกวิน ฮู้ด Eye in the Sky (เปิดตัววันแรกในวงจำกัดไป 1 หมื่นบาท) อยู่หลายเท่าตัว รวมไปถึงกลายเป็นหนังเปิดตัววันแรกสูงสุดในปีนี้ของนักแสดงสาวเคียร่า ไนท์ลีย์ (มากกว่าหนังรักหลากเรื่องราว อย่าง Berlin, I Love You เคยทำเอาไว้ที่ 4 หมื่นบาท) อีกด้วย
และหนังเก่าอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเงินลดลงน้อยมากๆ คือแอนิเมชั่นจากค่าย DreamWorks อย่าง Abominable เก็บเงินวันพฤหัสที่ผ่านมาไปอีก 1.6 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสที่แล้วเพียง 33% เท่านั้น) และทำเงินรวมสิบห้าวันไปแล้ว 7.91 ล้านบาท หยุดอยู่อันดับที่ 10 หนังแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดของปีนี้พอดิบพอดี
