ถึงคิวของมหาวายร้ายจากค่าย DC อย่าง Joker ก้าวขึ้นครองแชมป์ประจำสุดสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ที่สูงเกินคาดถึง 52.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงอันดับ 7 ของปีนี้ (ตามหลังหนังแอนิเมชั่นภาคต่อ How to Train Your Dragon: The Hidden World ที่ 55 ล้านบาท) และเป็นหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อ เปิดตัวสูงอันดับ 3 ของปีนี้ (ตามหลัง Captain Marvel และ Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw เพียงสองเรื่องเท่านั้น) ส่วนในกลุ่มหนังดัดแปลงจากคอมิคค่าย DC ด้วยกัน นอกจากโจ๊กเกอร์จะขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินเปิดตัวสูงสุดของปีนี้ (ทิ้งห่างฮีโร่สายเกรียนอย่าง Shazam! ไปพอสมควร ที่ 32 ล้านบาท) ยังไต่ขึ้นไปถึง Top 5 หนังเปิดตัวสูงสุดของค่ายนับตั้งแต่ Man of Steel เปิดจักรวาล DC Extended Universe เมื่อปี 2013 เป็นต้นมา (อยู่อันดับที่ 5 พอดี) และอยู่อันดับที่ 6 หนังเปิดตัวสูงสุดตลอดกาลของค่าย DC อีกด้วย (ตามหลังหนังปิดท้ายไตรภาคมนุษย์ค้างคาวฉบับผู้กำกับโนแลน อย่าง The Dark Knight Rises ที่เปิดตัวในบ้านเราไป 56 ล้านบาท) ขณะที่ในกลุ่มหนังภาคแยกของวายร้ายจากคอมิคดัง โจ๊กเกอร์เปิดตัวเป็นรองวายร้ายคู่ปรับไอ้แมงมุม อย่าง Venom (เปิดตัวเมื่อปีก่อนไปถึง 70 ล้านบาท) เพียงเรื่องเดียว และใช้เวลาเพียงสุดสัปดาห์เดียวเท่านั้น ทำเงินรวมสูงสุดในเครดิตของทั้งพระเอกวาคีน ฟีนิกซ์ (แซงผลงานของผู้กำกับเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน อย่าง Signs ที่ 39 ล้านบาท) และผู้กำกับท็อดด์ ฟิลลิปส์ (มากกว่าหนังตลกภาคต่อที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย อย่าง The Hangover Part II ที่ 26 ล้านบาท)

อนิเมะหนังโรงภาคล่าสุดของเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้า โดราเอม่อน อย่าง อย่าง Doraemon: Nobita’s Chronicle of the Moon Exploration เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 5.93 ล้านบาท โดยเป็นหนังญี่ปุ่นเปิดตัวสูงอันดับ 3 ของปีนี้ และสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มหนังเอเชียปีนี้ด้วยกัน (ตามหลัง One Piece Stampede และ Weathering with You ที่ 20 และ 9 ล้านบาท ตามลำดับ) รวมไปถึงไต่เข้าสู่ Top 5 รายได้เปิดตัวสูงสุดของอนิเมะโดราเอม่อนฉบับหนังโรงที่เข้าฉายในบ้านเรา (มาอยู่อันดับที่ 5 ตามหลังภาค Nobita’s Secret Gadget Museum เมื่อหกปีก่อนเพียงไม่กี่หมื่นเท่านั้น ที่ 6 ล้านบาท และตามหลังภาคก่อนอย่าง Nobita’s Treasure Island ที่ 6.2 ล้านบาท)
หนังแอนิเมชั่นจากค่าย DreamWorks อย่าง Abomination ยังคงอยู่ที่เก่าในอันดับ 3 เช่นเดิม โดยทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 1.54 ล้านนบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรกเกินครึ่งไปไม่มาก ที่ 58%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 7.1 ล้านบาท
แชมป์เก่าสองสมัยอย่าง One Piece Stampede ร่วงลงมาสามอันดับ กับรายรับสุดสัปดาห์นี้ที่เก็บไปอีก 1.46 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อน 75%) และทำเงินรวมสามสัปดาห์ไปแล้ว 35.63 ล้านบาท
หนังพลังหญิง อย่าง Hustlers กระโดดเข้าสู่ Top 5 ได้เป็นครั้งแรก จากรายได้สุดสัปดาห์นี้ไปอีก 9 แสนบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรก 65%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 4.88 ล้านบาท
หนังแอ็กชั่น-ไซไฟชื่อดังในอดีต ที่ได้กลับเข้ามาฉายใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี อย่าง The Matrix เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 8 แสนบาท (จากจำนวนโรงฉายในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และเชียงใหม่เกือบสิบโรง) ขึ้นแท่นเป็นหนังเก่า-นำกลับมาฉายใหม่ที่ทำรายได้สูงที่สุดของปีนี้เป็นที่เรียบร้อย (เอาชนะหนังขึ้นหิ้ง อย่าง The Last Emperor ซึ่งทำเงินรวมไป 5 แสนบาท จากจำนวนสองโรงฉาย) และเปิดตัวมากกว่าอีกหนึ่งหนังเก่าของพระเอกคีอานู รีฟส์ ที่ได้กลับมาเข้าฉายในบ้านเราในปีนี้เช่นกัน อย่าง Little Buddha (เปิดตัวสี่วันสุดสัปดาห์ไป 4 หมื่นบาท จากจำนวนเพียงสองโรง)
และหนังไทยโรแมนติก-คอมเมดี้ มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง ที่เก็บเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 7.7 แสนบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อนไป 72%) และทำเงินรวมสามสัปดาห์ไปแล้ว 14.35 ล้านบาท ขยับเข้าใกล้ Top 5 หนังไทยทำเงินสูงสุดของปีนี้เข้าไปอีกนิด โดยตามหลัง สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 6 (ห่างกันอีกไม่ถึงห้าแสนบาท) อีกไม่มากแล้ว แต่จะกระโดดเข้าสู่ Top 5 ได้ก่อนการมาของอีกหนึ่งหนังไทยฟอร์มเต็งอย่าง ขุนแผน ฟ้าฟื้น หรือไม่นั้น คงต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ

Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไปทั้งสิ้น 65 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อนถึง 137% (27 ล้านบาท)
และเพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนไป 53% (42 ล้านบาท)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังแอ็กชั่น-คอมเมดี้ภาคที่สาม อย่าง Johnny English Strikes Again ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ด้วยรายได้เปิดตัว 19 ล้านบาท