ถึงแม้จะมีกองทัพหนังใหม่ตบเท้ากันเข้ามาส่งท้ายเดือนกันยาแบบอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ในเมื่อไม่มีเรื่องไหนที่สามารถเปิดตัวได้อย่างโดดเด่นขึ้นมา เลยเป็นโอกาสทองให้กับหนังอนิเมะ One Piece Stampede ยังคงครองบัลลังก์แชมป์ต่อไปเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน (ทำสถิติที่ไม่ได้เห็นกันมาอย่างยาวนาน โดยกลายเป็นหนังเอเชียเรื่องแรกในรอบ 14 ปี ที่สามารถคว้าแชมป์ได้สองสมัยติด นับตั้งแต่หนังฮิตของพระเอกโจวซิงฉือ อย่าง Kung Fu Hustle เคยทำได้โน่นเลยทีเดียว) จากรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่เก็บไปอีก 6.01 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรก 70%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 31.73 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นหนังเอเชียทำเงินสูงสุดของปีนี้เป็นที่เรียบร้อย (แทนที่หนังเกาหลีดีกรีรางวัลปาล์มทองคำอย่าง Parasite ที่ 28 ล้านบาท) และกระโดดเข้าสู่ Top 3 หนังญี่ปุ่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลได้แล้วด้วยเช่นกัน (มาอยู่อันดับที่ 3 แซงหนังผี Ju-On ภาคแรกเมื่อ 16 ปีก่อนขึ้นมา ที่ 30 ล้านบาท) แต่โอกาสที่จะทำเงินแซงสองหนังอนิเมะทำเงินระดับสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราทั้ง Your Name และ Stand by Me Doraemon น่าจะเป็นเรื่องที่ยากมากไปแล้ว (ทั้งสองเรื่องทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปเท่ากันที่ 38 ล้านบาท)

หนังภารกิจตะลุยดาว Ad Astra ยังคงอยู่ตำแหน่งรองแชมป์ ไม่ขยับไปไหน กับรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่เก็บไปอีก 3.88 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรก 61%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 16.97 ล้านบาท ยังพอมีลุ้นทำเงินทะลุหลักยี่สิบล้านได้อยู่ แต่โอกาสที่จะทำเงินแซง Fury ขึ้นมาเป็นหนังทำเงินสูงสุดในรอบ 6 ปีของพระเอก แบรด พิตต์ น่าจะยากอยู่ซักหน่อย (Fury ทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปที่ 18 ล้านบาท)

หนังแอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่าย DreamWorks อย่างเจ้าเยติเอเวอร์เรสต์ Abominable อาศัยจังหวะชุลมุน พลิกกลับขึ้นมาเป็นหนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดประจำสุดสัปดาห์นี้ที่รายได้ 3.72 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนังแอนิเมชั่นที่ไม่ใช่ภาคต่อ เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงเป็นอันดับ 4 ของปีนี้ (เบียดแซง Wonder Park ที่ 2.8 ล้านบาท ขึ้นมาได้) แต่ถึงอย่างไรโดยรวมก็ยังถือว่าเปิดตัวได้น้อยกว่าหนังแอนิเมชั่นจากค่าย DreamWorks ด้วยกันอยู่พอสมควร ทั้งหนังภาคต่ออย่าง How to Train Your Dragon: The Hidden World ที่เข้าฉายในปีนี้เช่นกัน ซึ่งทำสถิติเปิดตัวสูงสุดตลอดกาลในกลุ่มหนังแอนิเมชั่นบ้านเราเอาไว้ที่ 55 ล้านบาท หรือเรื่องที่ไม่ใช่ภาคต่ออย่าง The Boss Baby ที่เคยเปิดตัวเอาไว้ไม่น้อยเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ 10 ล้านบาท โดยเรื่องที่ทำได้ใกล้เคียงที่สุดก็คือแอนิเมชั่นดัดแปลงจากของเล่นดัง อย่าง Trolls ที่ทำเงินเปิดตัวในบ้านเราไปค่อนข้างจะเงียบเหงา ที่ 2.8 ล้านบาท

หนังแอ็กชั่นของยอดนักบู๊วัยเก๋าอย่าง Rambo: Last Blood ทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 3.55 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรกไม่ถึงครึ่ง ที่ 47%) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 13.5 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นหนังแรมโบ้ภาคที่ทำเงินรวมสูงที่สุดในบ้านเรา แทนที่ Rambo 4 (12 ล้านบาท) เมื่อ 11 ปีก่อนได้เป็นที่เรียบร้อย

อีกหนึ่งเรื่องที่ทำเงินลดลงมาไม่มากเช่นเดียวกับแรมโบ้ คือหนังไทยขายฮา อย่าง มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง ที่เก็บเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 2.78 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์แรกไม่ถึงครึ่ง ที่ 47% ซึ่งลดลงมาน้อยเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มหนังไทยปีนี้ด้วยกัน เป็นรอง โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง และ พี่นาค เพียงสองเรื่องเท่านั้น) และทำเงินรวมไปแล้ว 12.13 ล้านบาท ยังคงหยุดอยู่อันดับ 8 หนังไทยทำเงินสูงสุดของปีนี้เช่นเดิม

ส่วนหนังใหม่อีกสี่เรื่องที่ตบเท้ากันเข้าสู่ Top 10 สุดสัปดาห์นี้ได้เช่นกัน เริ่มกันด้วยหนังพลังหญิง Hustlers ที่เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 2.62 ล้านบาท ซึ่งยังคงทำได้ดีกว่าหนังพลังหญิงฮิตเซอร์ไพรส์หลายๆ เรื่องที่ได้มาเข้าฉายในบ้านเรา ทั้งแก๊งคุณแม่ Bad Moms (ภาคหนึ่งและภาคสองเปิดตัวในบ้านเราไป 1 ล้าน และ 3 แสนบาท ตามลำดับ) หรือก๊วนสาว Girls Trip (เปิดตัวในวงจำกัดมากๆ ในบ้านเราไป 7 หมื่นบาท) และตามหลังหนังปล้นภาคแยก อย่าง Ocean’s 8  (เปิดตัวเอาไว้ที่ 11 ล้านบาท) มาแบบห่างๆ เช่นเดิม ส่วนในเครดิตของสองนักแสดงนำ ด้านนางเอกสาวคอนสแตนซ์ วู Hustlers ยังคงเปิดตัวเป็นรองหนังฮิตเซอร์ไพรส์ อย่าง Crazy Rich Asians อยู่พอสมควร (ที่ 4.5 ล้านบาท) ขณะที่ด้านนักร้อง/นักแสดงมากฝีมือ อย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ ถือเป็นหนังคนแสดงเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงสุดในรอบ 6 ปีของเธอ นับตั้งแต่ Parker ที่ได้ประกบคู่กับพระเอกขาบู๊เจสัน สเตทแธมเมื่อต้นปี 2013 โน่นเลย (เปิดตัวเอาไว้ที่ 6 ล้านบาท)

หนังเกาหลีเอาตัวรอดจากหมอกพิษ อย่าง Exit เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 2.5 ล้านบาท กลายเป็นหนังเกาหลีเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงเป็นอันดับ 3 ในบ้านเราปีนี้ (ตามหลัง เจ้าของรางวัลปาล์มทองคำปีนี้ อย่าง Parasite และหนังของวงบอยแบนด์ชื่อดัง BTS อย่าง Bring The Soul: The Movie ซึ่งเปิดตัวไป 5 และ 4 ล้านบาท ตามลำดับ) และใช้เวลาเพียงสุดสัปดาห์เดียว ขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดในบ้านเราของทั้งนางเอกสาว ยุนอา (แทนที่หนังสารคดี SMTown: The Stage ซึ่งเคยทำเงินในบ้านเราไป 6 แสนบาท) และพระเอกหนุ่มโจจองซอก (แซง Architecture 101 ที่ทำเงินในบ้านเราไป 7 แสนบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อีกหนึ่งหนังเกาหลีที่แนวสยองขวัญ อย่างผีในผม 0.0 Mhz เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในบ้านเราไป 1.21 ล้านบาท โดยเป็นหนังเกาหลีเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงอันดับ 6 ในบ้านเราปีนี้ (ตามหลัง The Divine Fury ไม่มาก ที่ 1.6 ล้านบาท) และทำสถิติเป็นหนังสยองขวัญสัญชาติเอเชียเรื่องแรกของปีนี้ที่ทำเงินทะลุหลักล้านขึ้นมาได้อีกด้วย (เรื่องที่เคยทำเอาไว้สูงที่สุดคือหนังสยองขวัญสัญชาติเมียนมาร์ อย่าง The Only Mom ทำเงินรวมจากวงจำกัดมากๆ ไป 1 แสนบาท)

และหนังญี่ปุ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง อย่าง Brave Father Online : our story of Final Fantasy XIV ที่เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 7 แสนบาท กลายเป็นหนังคนแสดงญี่ปุ่น เปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในบ้านเราปีนี้เลยทีเดียว (เป็นรอง Kamen Rider Heisei Generations FOREVER ซึ่งเปิดตัวทะลุหลักล้านได้เพียงเรื่องเดียว) และเปิดตัวได้ใกล้เคียงกับผลงานเรื่องก่อนของพระเอกหนุ่ม เคนทาโร่ ซาคากุจิ อย่าง Tonight, At Romance Theater มากทีเดียว (ที่ 7 แสนบาทเช่นกัน)

ในเมื่อสุดสัปดาห์นี้เป็นอีกหนึ่งสุดสัปดาห์ที่ไม่มีหนังเรื่องไหนทำเงินเกินสิบล้านบาทขึ้นมาได้ เลยทำให้ Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไปเพียง 27 ล้านบาทเท่านั้น (น้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของปีนี้)

ลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 44% (49 ล้านบาท)

และลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน 48% (53 ล้านบาท)

ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังแฟนตาซีหลอนๆ ดัดแปลงจากหนังสือขายดี อย่าง The House with a Clock in Its Walls พลิกเข้าป้ายแชมป์แซงสองหนังไทยอย่าง ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก และ The Pool นรก 6 เมตร ไปแบบหวุดหวิด ที่ 14 ล้านบาท