ปี 2562 ผ่านไปแล้วครึ่งปีพร้อมกับสถิติใหม่ๆ ให้ได้ตื่นเต้นกันแทบไม่เว้นวันจากหนังตัวเต็งปีนี้ และหนังต่างประเทศฟอร์มยักษ์หลายเรื่องที่ตบเท้ากันเข้าสู่หัวตารางกันอย่างพร้อมเพรียง โดยมีหนังไทยสุดฮิต ที่สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆ ได้ด้วย
ส่วน 10 อันดับที่ว่ามีเรื่องใด และทำเงินกันไปเท่าไหร่บ้างนั้น? มาติดตามกันต่อเลยครับ
(นับเฉพาะภาพยนตร์ที่เข้าฉายวันแรกในไทยช่วงวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2562)

อันดับ 10 – Toy Story 4 (67 ล้านบาท)
ภาคต่อของแอนิเมชั่นขวัญใจแฟนๆ จากค่าย Pixar ที่ยังคงรักษามาตรฐานความสนุกและความซึ้งได้ดีไม่แพ้สามภาคก่อนหน้า จนสามารถคว้าตำแหน่งหนัง Toy Story ภาคที่ทำเงินสูงสุดในบ้านเรา (ทิ้งห่าง Toy Story 3 ที่ 38 ล้านบาทไปพอสมควร) และขึ้นแท่นเป็นหนังแอนิเมชั่นจากค่าย Pixar ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราเรื่องใหม่ได้ในท้ายที่สุด (แทนที่ Incredibles 2 ที่ 63 ล้านบาท)

อันดับ 9 – Shazam! (71 ล้านบาท)
หนังซูเปอร์ฮีโร่หนึ่งเดียวจากค่าย DC ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ที่อาจจะทำได้ไม่หวือหวาเท่ารุ่นพี่ร่วมค่าย จากแนวหนังที่เน้นไปทางโทนหนังครอบครัว และทุนสร้างที่ไม่สูงเท่าเรื่องอื่นๆ (โดยเฉพาะต้องเดินตามหลังความสำเร็จแบบถล่มทลายของเจ้าสมุทร Aquaman ที่กวาดเงินไปบ้านเราไปมากถึง 254 ล้านบาท เมื่อช่วงปลายปีก่อน) แต่ก็ถือเป็นการออกสตาร์ทที่ไม่เลว ทำได้ใกล้เคียงกับหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลช่วงบุกเบิกจักรวาลอย่าง Iron Man , Captain America และ Thor ภาคแรก (ในระดับใกล้ๆ หลัก 70 ล้านบาท)

อันดับ 8 – Godzilla: King of the Monsters (86 ล้านบาท)
หนังภาคต่อของพี่ใหญ่จากจักรวาล MonsterVerse ปะทะกับเหล่าสัตว์ประหลาดชื่อดังให้แฟนๆ ได้ฟินกันสมใจ ที่ไปๆ มาๆ อนาคตของจักรวาลหนังกลุ่มนี้เริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว จากรายได้ในอเมริกาและในหลายๆ ประเทศทั่วโลกไม่เป็นไปตามเป้า เช่นเดียวกับในบ้านเราที่ Godzilla ภาคนี้พลาดหลักร้อยล้านไปอย่างน่าเสียดาย และไม่สามารถแซง Kong: Skull Island ขึ้นไปเป็นหนังทำเงินสูงสุดของจักรวาล MonsterVerse ได้อย่างที่หวังเอาไว้ (แพ้ไปแค่ไม่กี่แสน ที่รายได้ 86 ล้านบาทเช่นกัน)

อันดับ 7 – Alita: Battle Angel (90 ล้านบาท)
หนังทุนสูงดัดแปลงจากการ์ตูนญี่ปุ่นระดับขึ้นหิ้ง ที่มีแผนว่าจะมีภาคต่อตามออกมา แต่อาจจะต้องลุ้นกันหนักหน่อย จากรายได้ในฝั่งอเมริกาที่ทำได้ค่อนข้างน้อย (เก็บไปไม่ถึงหลักร้อยล้านดอลล่าร์) และรายได้รวมทั่วโลกที่อยู่ในระดับพอใช้ได้ ส่วนในบ้านเรานั้นถือว่าทำได้ไม่เลวอยู่ แม้จะพลาดตำแหน่งหนังร้อยล้านไป แต่ก็ถือเป็นหนังฮอลลิวู้ดดัดแปลงจากการ์ตูนญี่ปุ่นทำเงินสูงสุดในบ้านเราไปแบบแทบจะไร้คู่แข่ง (แซง Ghost in the Shell ที่ 36 ล้านบาทไปค่อนข้างไกล หรือหากจะนับ Edge of Tomorrow เข้ามาด้วยก็ยังเอาชนะไปได้อยู่ดี ที่ 60 ล้านบาท)

อันดับ 6 – How to Train Your Dragon: The Hidden World (103 ล้านบาท)
หนังแอนิเมชั่นภาคต่อปิดท้ายไตรภาคของเจ้ามังกรเขี้ยวกุด (ห่างจากภาคก่อนถึง 5 ปี) ที่กวาดสถิติไปมากมายในช่วงต้นปี ทั้งเจ้าของตำแหน่งหนังร้อยล้านเรื่องแรกของปีนี้ พ่วงด้วยหนังแอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก และกลายเป็นหนังแอนิเมชั่นทำเงินเกินร้อยล้านเป็นเรื่องที่สองตลอดกาลในบ้านเราได้อีกด้วย (แต่รายได้ยังน้อยกว่าเรื่องแรกอย่าง Minions ซึ่งทำเอาไว้ที่ 116 ล้านบาท)

อันดับ 5 – Aladdin (105 ล้านบาท)
ถือเป็นหนึ่งในหนังฮิตเซอร์ไพรส์ของปีนี้เลยก็ว่าได้ แม้จากฟอร์มหนังและความนิยมของเวอร์ชั่นการ์ตูนน่าจะทำให้อะลาดินภาคนี้กลายเป็นหนังทำเงินถล่มทลายได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ด้วยกระแสด้านลบจากแฟนๆ ที่ออกมาในช่วงโปรโมตก็ทำเอาหลายๆ คนคิดว่าหนังน่าจะตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว จนในที่สุด เมื่อตัวหนังที่ออกมาจริงๆ ทำได้สนุกกว่าที่คิด กระแสของหนังจึงพลิกกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง และค่อยๆ เก็บเงินจนทะลุหลักพันล้านดอลล่าร์ทั่วโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับในบ้านเราที่อาจจะเปิดตัวไม่ร้อนแรงอย่างที่คาด แต่สุดท้ายกระแสปากต่อปากก็ช่วยให้อะลาดินทำเงินทะลุหลักร้อยล้านไปในที่สุด และทำให้นักแสดงเจ้าบทบาท วิลล์ สมิธ ได้หนังร้อยล้านเรื่องที่สองในบ้านเรา ถัดจาก Independence Day เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนโน่น (ซึ่งยังเป็นหนังทำเงินสูงสุดของบิ๊กวิลล์อยู่ ที่ 123 ล้านบาท) เสียที

อันดับ 4 – John Wick: Chapter 3 – Parabellum (120 ล้านบาท)
ภาคต่อของหนังแอ็กชั่นสุดเดือด ที่ช่วยปลุกกระแสให้พระเอกคีอานู รีฟส์ กลับมาฮอตฮิตในวงกว้างได้อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าหนังยังคงทำเงินแบบก้าวกระโดดจากภาคก่อนทั้งในอเมริกาและทั่วโลก รวมไปถึงบ้านเราด้วยที่กลายเป็นหนังจากตระกูล John Wick ภาคแรกที่ทำเงินทะลุหลักร้อยล้านขึ้นมาได้ (ภาคก่อนทำเอาไว้ที่ 61 ล้านบาท) และเช่นเดียววิลล์ สมิธที่เพิ่งพูดถึงไปข้างบน John Wick ภาคนี้กลายเป็นหนังร้อยล้านเรื่องที่ 2 ของพระเอกคีอานู รีฟส์ ถัดจาก The Matrix Reloaded เมื่อสิบหกปีก่อน (ซึ่งยังเป็นหนังทำเงินสูงสุดของพระเอกคีอานู รีฟส์เช่นกัน ที่ 130 ล้านบาท)

อันดับ 3 – Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน (130 ล้านบาท)
หนังไทยเพียงหนึ่งเดียวในสิบอันดับแรกจากค่าย GDH เจ้าของตำแหน่งหนังไทยร้อยล้านเรื่องแรกของปีนี้ ที่สามารถทุบสถิติรายเปิดตัววันแรกสูงสุดตลอดกาลของค่ายลงได้เมื่อช่วงวันวาเลนไทน์ รวมไปถึงส่งให้พระเอกนาย ณภัทร และนางเอกใบเฟิร์น พิมพ์ชนก กลายเป็นคู่พระ-นางร้อยล้านของบ้านเราไปอีกหนึ่งคู่ และทำรายได้รวมสูงเป็นอันดับสองของค่าย เป็นรอง น้อง.พี่.ที่รัก (ที่ 146 ล้านบาท) เพียงเรื่องเดียว

อันดับ 2 – Captain Marvel (260 ล้านบาท)
หนังจากจักรวาลมาร์เวลเรื่องแรกของปีนี้ ที่ย้อนกลับไปเปิดประวัติของซูเปอร์ฮีโร่หญิงสุดแกร่ง โหมโรงไปสู่บทสรุปสงครามอัญมณี หลายเป็นหนังทำเงินทะลุหลักสองร้อยล้านเป็นเรื่องแรกของปีนี้ และสร้างสองสถิติใหม่ ซึ่งเป็นการชิงมาจากฝั่ง DC ด้วยทั้งคู่ คือสถิติหนังซูเปอร์ฮีโร่หญิงทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา (แทนที่ Wonder Woman ที่ 117 ล้านบาท) และสถิติซูเปอร์ฮีโร่ฉายเดี่ยวภาคแรกทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา (เบียดแซงเจ้าสมุทร Aquaman ที่ 254 ล้านบาท)

อันดับ 1 – Avengers: Endgame (617 ล้านบาท)
หนังปิดมหากาพย์ซูเปอร์ฮีโร่ เจ้าของตำแหน่งเต็งหนึ่งของปีนี้ ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์มากมายแทบจะทั่วโลก (รวมไปถึงหนึ่งในสถิติใหญ่อย่างหนังทำเงินรวมทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลที่สามารถโค่น Avatar ลงจากบัลลังก์ได้เสียที) รวมไปถึงในบ้านเรา ที่ Avengers ภาคนี้ไล่ทุบสถิติใหม่กันแบบรายวันตั้งแต่วันแรก โดยมีไฮไลท์หลักอยู่ที่สถิติรายได้วันแรกสูงสุด (ทะลุ 75 ล้านบาท), รายได้สุดสัปดาห์แรกสูงสุด (ทะลุ 250 ล้านบาท), ก้าวข้ามรายได้รวมของภาค Infinity War (420 ล้านบาท) ขึ้นเป็นหนังต่างประเทศทำเงินสูงสุดในบ้านเรา และปิดท้ายด้วยการแซง พี่มาก..พระโขนง (568 ล้านบาท) ขึ้นเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราในท้ายที่สุด

รายได้รวมของทั้ง 10 อันดับในครึ่งปีแรก ทำไปทั้งสิ้น 1,650 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย (1,600 ล้านบาท) แม้ว่าครึ่งปีแรกของปีนี้จะมีจำนวนหนังร้อยล้านมากกว่าปีก่อน (ครึ่งปีแรกปีนี้มี 6 เรื่อง มากกว่าปีก่อนหนึ่งเรื่อง) แต่หนังระดับสองร้อยล้านกลับมีจำนวนลดลง (ปีนี้มีเพียง 2 เรื่อง ส่วนปีก่อนมี 3 เรื่องและอีก 1 เรื่องที่เฉียดสองร้อยล้านมากๆ อีกด้วย) ซึ่งได้อานิสงค์จากรายได้ถล่มทลายของ Avengers: Endgame ที่ช่วยฉุดรายได้โดยรวมของทั้ง 10 อันดับให้แซงปีก่อนขึ้นมาได้
ส่วนค่ายที่มาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นค่าย Disney ที่สามารถครองสองอันดับแรกของตาราง, มีหนังติดอยู่ใน Top 10 ถึง 4 เรื่อง และทั้ง 4 เรื่องทำเงินรวมกันมากกว่าหนึ่งพันล้านบาทอีกด้วย (1,048 ล้านบาท)