เข้าสู่สุดสัปดาห์ใหม่พร้อมกับหนังใหม่อีกหลากหลายแนว แต่ตำแหน่งแชมป์ยังคงเป็นของเจ้าป่า The Lion King ที่เก็บเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 2.71 ล้านบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรก 61%) ซึ่งมากกว่าหนังดัดแปลงจากแอนิเมชั่นค่ายดิสนี่ย์ในปีนี้ด้วยกัน อย่าง Aladdin นิดหน่อย (2.6 ล้านบาท) และทำเงินรวมเก้าวันไปแล้ว 70.64 ล้านบาท ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นหลักร้อยล้านอยู่ จากรายได้รวมที่ยังไล่ตามแอนิเมชั่นร้อยล้านอย่าง How to Train Your Dragon: The Hidden World ไม่มากนัก (ทำเงินรวมถึงวันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองไป 74 ล้านบาท) รวมไปถึงทิ้งห่าง Aladdin (ทำเงินเก้าวันไป 54 ล้านบาท) อยู่ไกลพอสมควร
หนังใหม่ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดในสุดสัปดาห์นี้ คือหนังตุ๊กตาขาโหดที่ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง อย่าง Child’s Play ทำเงินวันแรกไป 1.62 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขวันแรกที่มากกว่าหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งหลายเรื่องที่ถูกนำกลับมาใหม่เช่นกัน ทั้ง Halloween เมื่อปีก่อน (1.3 ล้านบาท) , Jigsaw (1.1 ล้านบาท) และ Leatherface (2 แสนบาท) เมื่อสองปีก่อน รวมไปถึงกลายเป็นผลงานเปิดตัววันแรกสูงสุดของผู้กำกับลาร์ส เคลฟเบิร์ก มากกว่า Polaroid ที่เพิ่งเข้าฉายในบ้านเราไปก่อนหน้านี้ไม่นาน (เปิดตัววันแรกไป 3 แสนบาท)
ส่วนซูเปอร์ฮีโร่พลังแมงมุม Spider-Man: Far From Home แม้จะประคองตัวได้ค่อนข้างดี จากรายได้วันพฤหัสนี้ที่เก็บไปอีก 6.8 แสนบาท (ลดลงเกินครึ่งไปนิดเดียว ที่ 51%) แต่รายได้รวมยี่สิบสองวันที่ทำไป 230.05 ล้านบาท ก็น่าจะทำให้ไอ้แมงมุมภาคนี้ หมดลุ้นไต่ขึ้นไปถึงหลัก 250 ล้านในบ้านเราแทบจะแน่นอนแล้ว
อีกหนึ่งหนังใหม่กับหนังเกาหลีเจ้าของรางวัลปาล์มทองคำจากเมืองคานส์ปีล่าสุด อย่าง Parasite เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 6.1 แสนบาท (จากสี่สิบกว่าโรงฉาย) กลายเป็นหนังเอเชียเปิดตัววันแรกสูงเป็นอันดับที่ 3 ของปีนี้ พ่วงตำแหน่งหนังเกาหลีเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในบ้านเราปีนี้เลยทีเดียว (ตามหลังหนังบันทึกการแสดงคอนเสิร์ทของวง K-Pop ชื่อดัง อย่าง BTS World Tour: Love Yourself in Seoul และ หนังแฟนตาซีของพระเอกขาบู๊ เฉินหลง อย่าง The Knight of Shadows: Between Yin and Yang ซึ่งทำเอาไว้มากกว่าหนึ่งล้านบาทด้วยกันทั้งคู่) ส่วนในเครดิตของผู้กำกับ บงจุนโฮ นั้น หนังเรื่องก่อนหน้าที่ได้เข้าฉายในบ้านเรา อย่าง Snowpiercer ยังคงเป็นหนังที่เปิดตัววันแรกสูงสุดอยู่ (เปิดตัววันแรกตรงกับวันหยุดวันพ่อแห่งชาติพอดี ที่ 3 ล้านบาท)
ข้ามฟากมาดูหนังไทยเรื่องใหม่กันบ้าง กับหนังสยองขวัญ บุษบา เปิดตัววันแรกไป 3.6 แสนบาท ซึ่งในกลุ่มหนังสยองขวัญไทย เรื่องที่ทำได้ใกล้เคียงกันที่สุดในปีนี้คือหนังสามตอนย่อย บางกอก..สยอง ซึ่งเปิดตัววันแรกไป 2 แสนบาท
หนังเก่าเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่าง ศึกกระแสไฟฟ้า The Current War กลายเป็นเรื่องที่ประคองตัวได้ดีที่สุดในวันพฤหัสที่ผ่านมา จากรายได้ที่เก็บไปอีก 3.5 แสนบาท (ลดลงจากวันพฤหัสแรกไม่ถึงครึ่ง ที่ 48%) และทำเงินรวมแปดวันไปแล้ว 5.54 ล้านบาท
ส่วนหนังใหม่อีกสองเรื่องในสุดสัปดาห์นี้ เริ่มกันที่หนังภาคต่อเอาใจคนรักสุนัข อย่าง A Dog’s Journey เปิดตัววันแรกไป 2.4 แสนบาท ลดลงจากภาคก่อนอย่าง A Dog’s Purpose (4 แสนบาท) และน้อยกว่าหนังดัดแปลงจากหนังสือของผู้แต่งคนเดียวกันในปีนี้เช่นกัน อย่าง A Dog’s Way Home (5 แสนบาท)
และหนังไทยเจ้าของปรากฏการณ์มากมายในอดีต อย่าง นางนาก ที่ได้กลับมาเข้าฉายอีกครั้งเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ทำรายได้จากวันวันพฤหัสนี้ไป 7.7 หมื่นบาท (จำนวนโรงเกือบยี่สิบโรง) และทำเงินจากรอบพิเศษในวันพุธ ซึ่งเข้าฉายเพียงสองรอบ,สองโรงไปถึง 5.4 หมื่นบาท (โดยรายได้รอบพิเศษทั้งหมดจะมอบให้แก่คุณเมฆ วินัย ไกรบุตร) ซึ่งเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงของรอบพิเศษวันแรกสูงที่สุดของปีนี้ (2.7 หมื่นบาท / โรง)
