สุดสัปดาห์หยุดยาวตรงกับวันเฉลิมพระชนพรรษาพระราชินี ถึงคิวราชันของจักรวาลสัตว์ประหลาดอย่าง Godzilla: King of the Monsters กลับมาครองบัลลังก์แชมป์ได้ตามคาด ด้วยรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรก 47.86 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของปีนี้ (ตามหลังหนังไทย Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ทำเอาไว้ที่ 51 ล้านบาท) ส่วนในกลุ่มหนังจากจักรวาลสัตว์ประหลาดยักษ์ MonsterVerse ของค่ายวอร์เนอร์ด้วยกัน ซึ่งแม้จะยังมีเพียงสามเรื่อง แต่ทั้งหมดก็การันตีรายได้เปิดตัวในระดับมากกว่าสี่สิบล้านกันเลยทีเดียว โดยก็อดซิลล่าภาคล่าสุดนั้นเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เป็นรองภาคก่อนหน้าเมื่อปี 2014 (ซึ่งทำเอาไว้ 51 ล้านบาท) เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับในกลุ่มหนังก็อดซิลล่า (ทั้งเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และเวอร์ชั่นฮอลลิวู้ด) ด้วยกัน ที่ภาคนี้เปิดตัวได้สูงเป็นอันดับที่สองของกลุ่ม (เบียด Godzilla ฉบับฮอลลิวู้ดเวอร์ชั่นปี 1998 ลงไป ซึ่งเคยทำเอาไว้สี่สิบล้านกว่าๆ) ตามหลัง Godzilla ปี 2014 เช่นเดิม

แชมป์เก่าเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนอย่าง Aladdin แม้จะโดนเบียดลงมาอยู่อันดับที่ 2 แต่ดูเหมือนกระแสปากต่อปากจะเริ่มส่งผลบวกบ้างแล้ว จากรายได้สุดสัปดาห์นี้ที่เก็บไปอีก 21.05 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากสุดสัปดาห์แรกเพียง 39% เท่านั้น! ลดลงน้อยที่สุดในกลุ่มหนังเปิดสุดสัปดาห์แรกตัวเกินยี่สิบล้านบาทในบ้านเราด้วยกัน (แชมป์เก่าคือหนังไทย พี่นาค เคยทำเอาไว้ที่ 41%) และเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่สองสูงเป็นอันดับ 4 ของปีนี้อีกด้วย (ตามหลัง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ที่ 21 ล้านบาทเช่นกันแค่แสนนิดๆ) และทำเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 73.38 ล้านบาท ทำให้เส้นทางที่จะสู่หลักร้อยล้านเริ่มจะมีแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง เพราะนอกจากรายได้สุดสัปดาห์ที่สองของอะลาดินจะทำได้มากกว่าหนังที่ทำได้ใกล้เคียงกันอย่าง Bumblebee ซึ่งทะลุร้อยล้านแบบหวุดหวิดไปเมื่อปีก่อน (ทำเงินสุดสัปดาหก์ที่สองไป 18 ล้านบาท) และ Alita: Battle Angel ซึ่งเกือบไปถึงหลักร้อยล้านในปีนี้ (ทำไป 13 ล้านบาท) รวมถึงรายได้รวมสองสัปดาห์ก็เกาะกลุ่มเรื่องอื่นๆ อยู่ไม่ห่างด้วย (ที่ 72 และ 76 ล้านบาท ตามลำดับ) ส่วนในกลุ่มหนังดัดแปลงจากแอนิเมชั่นค่ายดิสนี่ย์ด้วยกัน ล่าสุดอะลาดินขยับขึ้นมาอยู่ใน Top 5 รายได้รวมสูงสุดของกลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (อยู่อันดับที่ 5 แทนที่ Oz the Great and Powerful ที่ 59 ล้านบาท และใกล้จะแซง Cinderella ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 4 ในไม่ช้านี้แล้ว) ขณะที่ในเครดิตของนักแสดงดังวิลล์ สมิธ อะลาดินใกล้จะเข้าไปถึง Top 5 หนังทำเงินสูงสุดของเขาเต็มทีแล้ว (อยู่อันดับที่ 6 ตามหลัง I, Robot ที่ 75 ล้านบาท อีกแค่นิดเดียวแล้ว!) และขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดในเครดิตของผู้กำกับกาย ริชชี่ ในบ้านเราไปแล้ว (แซง Sherlock Holmes ภาคแรกที่ 46 ล้านบาทไปแบบสบายๆ)

หนังบู๊ภาคต่อสุดมัน John Wick: Chapter 3 – Parabellum เดินหน้าเก็บเงินในสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 5.81 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้ว 64%) ซึ่งสูงในระดับ Top 5 รายได้สุดสัปดาห์ที่สามสูงสุดของปีนี้อยู่ (อยู่อันดับที่ 5 และเป็นเรื่องที่ 5 ของปีนี้ที่ทำเงินสุดสัปดาห์ที่สามเกินห้าล้านบาท) และกวาดเงินรวมสามสัปดาห์ไปแล้ว 112.91 ล้านบาท ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้เป็นที่เรียบร้อย (แซงเจ้าเขี้ยวกุด How to Train Your Dragon: The Hidden World ขึ้นมา ที่ 103 ล้านบาท) และน่าจะเป็นอันดับสูงสุดในรอบปีนี้ที่จอห์น วิคของเราน่าจะไต่ขึ้นมาได้แล้ว (เพราะยังตามหลัง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน เกือบยี่สิบล้านบาทเลย)

อีกหนึ่งเรื่องที่ยังคงติดอยู่ใน Top 5 อย่างยาวนาน(มากๆ) อย่าง Avengers: Endgame ยืดสถิติเป็นหนังติดอยู่ใน Top 5 ยาวนานที่สุดของปีนี้ออกไปอีกเป็น 6 สัปดาห์เข้าไปแล้ว (เจ้า่ของสถิติเดิมคือหนังแอนิเมชั่นไอ้แมงมุม Spider-Man: Into the Spider-Verse เคยทำติดต่อกันเอาไว้ที่ 5 สัปดาห์ซึ่งรวมรอบพิเศษด้วยหนึ่งสัปดาห์) และทำเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 1.25 ล้านบาท (ลดลงจากสุดสัปดาห์ก่อนเกินครึ่งไปไม่มาก ที่ 57%) ยังคงทำสถิติเป็นรายได้สุดสัปดาห์ที่หกสูงสุดของปีนี้ (แต่ลงมาใกล้เคียงกับ Captain Marvel  มากๆ แล้ว ที่ 1 ล้านนิดๆ) และกวาดเงินรวมไปแล้ว 615.92 ล้านบาท

อีกหนึ่งหนังใหม่ที่เข้ามาใน Top 5 สุดสัปดาห์นี้ คือหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ Long Shot เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 9.9 แสนบาท จากจำนวนโรงฉายเพียงสามสิบกว่าโรง ซึ่งสูงกว่าหนังสองเรื่องเมื่อปีก่อนของนางเอกชาร์ลิซ เธอรอน อย่าง Gringo และ Tully ซึ่งเปิดตัวในวงค่อนข้างแคบไปพอๆ กัน (ที่ 1 แสนบาท) แต่สำหรับพระเอกเซธ โรเกน ถือว่าแทบจะใกล้เคียงกับหนังแอนิเมชั่นติดเรทที่เขาให้เสียงพากษ์เมื่อสามปีก่อนอย่าง Sausage Party ซึ่งเปิดตัวเอาไว้ที่ 1 ล้านบาทนิดๆ

ส่วนหนังใหม่อีกสองเรื่องประกอบไปด้วยหนังญี่ปุ่นดัดแปลงจากเกมดังอย่าง Touken Ranbu: The Movie เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 1.6 แสนบาท โดยเป็นหนังคนแสดงญี่ปุ่นเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงเป็นอันดับ 6 ของปีนี้ (ตามหลัง Hurry Go Round และ Sunny ที่ 1.9 แสนบาทเท่ากัน)

และหนังร้อนในอดีตของผู้กำกับระดับตำนาน แบร์นาโด แบร์โตลุชชี ที่นำมาเข้าฉายในโรงบ้านเราอย่างเป็นทางการแบบไม่ตัด-ไม่เซ็นเซอร์เป็นครั้งแรกโดยค่าย Documentary Club อย่าง The Dreamers เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 1 แสนบาท จากสองโรงฉาย (และวันละ 2-3 รอบรวมกันทั้งสองแห่งเท่านั้น!) ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว โดยเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตของนางเอกสาวอีวา กรีน (ที่เพิ่งจะมีหนังเรื่องล่าสุดอย่าง Dumbo เข้าฉายในบ้านเราในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 9 ล้านบาท) ส่วนผู้กำกับแบร์นาโด แบร์โตลุชชี ทางค่าย Documentary Club ก็เพิ่งจะนำหนังเก่าระดับขึ้นหิ้งอย่าง The Last Emperor กลับมาเข้าฉายอีกครั้งแบบจำกัดโรงในปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เปิดตัวไปได้ไม่น้อยที่ 2 แสนบาท

Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไปทั้งสิ้น 77 ล้านบาท

เพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 34% (57 ล้านบาท)

และเพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันของปีมากถึง 191% (26 ล้านบาท)

ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่ไม่มีหนังฟอร์มโตเข้าฉาย (เพราะไม่อยากโดนหนังไดโนเสาร์ฟอร์มยักษ์มาขย้ำในสัปดาห์ถัดไป) เลยเป็นโอกาสให้ฮีโร่สุดเกรียน Deadpool 2 ยังคงนั่งบัลลังก์แชมป์ต่อเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน แม้จะทำเงินไปอีกเพียง 6 ล้านบาท (โดยหนังใหม่ที่ทำได้สูงสุดในสัปดาห์นั้นคือหนังไซไฟ Higher Power เข้ามาในอันดับที่ 7 ด้วยรายได้เปิดตัวไม่ถึงหลักล้าน ที่ 9 แสนบาท)