สุดสัปดาห์นี้ ถึงเวลาที่ทุกเรื่องต้องหลีกทางให้นักฆ่าปืนโหดภาคใหม่อย่าง John Wick: Chapter 3 – Parabellum ก้าวขึ้นมาคว้าบัลลังก์ไปครองตามคาด แต่ด้วยรายได้เปิดตัววันแรกที่ค่อนข้างแรงเกินคาดทีเดียวถึง 15.28 ล้านบาท กระโดดขึ้นไปไกลถึง Top 3 หนังเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้โน่นเลย (หยุดอยู่อันดับที่ 3 ตามหลังสองหนังฮีโร่มาร์เวลอย่าง
Avengers: Endgame และ Captain Marvel ที่ทำเอาไว้มากกว่าสามสิบล้านบาทเพียงสองเรื่องเท่านั้น) แต่ถ้านับเฉพาะหนังที่เปิดตัววันพฤหัสเป็นวันแรก เฮียจอห์นก็จะคว้าตำแหน่งเปิดตัววันแรกสูงสุดของกลุ่มในปีนี้ไป (แทนที่แชมป์เก่าอย่างหนังไทย Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ที่ 14 ล้านบาท)

ส่วนในกลุ่มหนังมือปืน/มือสังหารในบ้านเราด้วยกัน จอห์น วิคก็สามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นหนังมือปืน/มือสังหารเรื่องแรกที่สามารถเปิดตัววันแรกเกินหลักสิบล้านได้ในบ้านเรา แถมเป็นการทำเงินมากกว่ารายได้วันแรกของสองภาคก่อนรวมกันเสียอีก! (ภาคแรกเปิดตัวตรงกับวันหยุดวันปิยมหาราชทำเงินไป 4 ล้านบาท ส่วนภาคสองทำเงินไป 5 ล้านบาท)เช่นเดียวกับในเครดิตของเฮียคีอานู รีฟส์ นอกจากจะใช้เวลาเพียงวันเดียวขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดในรอบปีนี้ของเฮียแกแล้ว (เฮียคีอานูเพิ่งจะมีหนังไซไฟ Replicas เข้าฉายไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาและปิดรายได้ไป 6 ล้านบาท) ยังกลายเป็นหนังเปิดตัววันแรกเกินหลักสิบล้านเป็นเรื่องแรกทิ้งช่วงจากเรื่องล่าสุดอย่างหนังฮีโร่ DC Constantine ถึง 14 ปีที่เลยทีเดียว!! (เคยทำเงินตรงกับวันหยุดวันมาฆบูชาไป 12 ล้านบาท)

การมาของเฮียจอห์นก็ทำเอาหนังเก่าๆ ในตารางถึงกับกระเจิงอยู่เหมือนกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลเรื่องล่าสุดในไทยอย่าง Avengers: Endgame ที่แม้จะยังคงเกาะตำแหน่งรองแชมป์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่รายได้พฤหัสนี้ที่เก็บไปอีก 1.09 ล้านบาท รูดลงจากพฤหัสที่แล้วถึง 81% เลยทีเดียว!! (แต่ถึงอย่างไรก็ยังทำสถิติเป็นหนังเรื่องแรกของปีนี้ที่ทำเงินวันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สี่เกินหลักล้านขึ้นมาได้อยู่ดี โดยมีแชมป์เก่าอย่าง Captain Marvel เคยทำได้แค่เกือบๆ ที่ 8 แสนบาท) ส่วนรายได้รวมที่กวาดไปแล้วถึง 599.53 ล้านบาท ก็กำลังจะทะลุหลัก 600 ล้านบาทอย่างเป็นทางการแน่นอนแล้วในวันศุกร์นี้ ซึ่งก็จะทำให้ Endgame กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำเงินทะลุหลักนี้ได้ในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล โดยใช้เวลาไปทั้งสิ้น 24 วัน
ที่อาการหนักกว่าคือแชมป์เก่าเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนอย่าง Pokémon Detective Pikachu เก็บเงินวันพฤหัสนี้ไปอีกเพียง 1.04 ล้านบาท รูดลงจากพฤหัสที่แล้วถึง 86%!! ถือว่าลดลงมาแรงที่สุดในกลุ่มหนังที่เปิดตัววันพฤหัสแรกเกินห้าล้านบาทในปีนี้ด้วยกันเลยทีเดียว (แชมป์เก่าคือ How to Train Your Dragon: The Hidden World ที่เคยร่วงลงมา 83%) แต่ถึงอย่างไร รายได้รวม 11 วัน(รวมรอบพิเศษ)ของหนังที่เก็บไปแล้ว 40.13 ล้านบาท หากเทียบกับหนังที่ดัดแปลงจากเกมด้วยกันเมื่อปีก่อน ก็ยังถือว่านำหน้าหนังจากค่ายเดียวกันอย่าง Tomb Raider อยู่พอสมควร (เก็บเงินถึงพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองไป 31 ล้านบาท) รวมไปถึงเจ้าพิคาชูสามารถกระโดดขึ้นไปถึง Top 5 หนังทำเงินสูงสุดของเฮียไรอัน เรย์โนลส์ในบ้านเราได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 เบียดทั้ง Green Lantern และ R.I.P.D. ที่ทำเอาไว้เฉียดสี่สิบล้านลงไปแบบสบายๆ และพร้อมที่จะแซง Blade: Trinity ที่ 41 ล้านบาท ขึ้นไปอยู่อันดับ 4 แน่นอนแล้ว)
ที่ดูดีกว่าเรื่องอื่นหน่อยคือหนังตลกสองสาวลวงโลก The Hustle ที่เก็บเงินพฤหัสนี้ไปอีก 3.4 แสนบาท (ลดลงจากพฤหัสแรกเกินครึ่งไปไม่มากที่ 54%) และทำเงินรวม 8 วันไปแล้ว 6.41 ล้านบาท
นอกเหนือจากจอห์น วิค ก็มีหนังใหม่อีก 3 เรื่องที่เปิดตัวเข้ามาใน Top 10 ได้ นำโดยหนังแอนิเมชั่นที่นำนิทานสุดคลาสสิคมาบิดพล็อตใหม่ อย่าง Cinderella and the Secret Prince เปิดตัววันแรกไป 1.1 แสนบาท ถือว่าเงียบเหงาอยู่เหมือนกันเมื่อเทียบกับแอนิเมชั่นสามมิติในปีนี้ที่หลายเรื่องทำได้น่าผิดหวัง แต่ก็ยังเปิดตัวได้มากกว่าหลายเท่าอยู่ อย่างเช่น Uglydoll ที่เปิดตัวก่อนหน้านั้นสองสัปดาห์ ก็เคยทำเงินวันแรกไปเกือบ 4 แสนบาท
ขณะที่อีกสองเรื่องคือหนังที่เข้าฉายแบบจำกัดโรงมากๆ อย่างหนังสารคดีดีกรีชนะรางวัลออสการ์ปีนี้ อย่าง Free Solo เปิดตัววันแรกไป 3 หมื่นบาท จากจำนวนโรงฉายไม่ถึงสิบโรง ซึ่งใกล้เคียงกับสารคดีเรื่องก่อนหน้าของทางค่าย Documentary Club อย่างคุณป้าลายจุด Kusama: Infinity ทำเงินวันแรกที่ 3 หมื่นบาทเช่นกัน ส่วนหนังเจ้าของรางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมเวทีออสการ์เรื่องก่อนหน้าที่ได้เข้าโรงฉายในบ้านเราต้องย้อนกลับไปถึง 4 ปีก่อนเลยทีเดียว โดยมีทั้งการนำผู้ชนะในอดีตมาเข้าฉาย อย่าง Man on Wire (ชนะรางวัลสาขานี้ในปี 2008) ซึ่งเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 2 หมื่นบาท และผู้ชนะในปีนั้นอย่าง Amy (ปี 2015) เปิดตัวเอาไว้สูงอันดับต้นๆ ในกลุ่มหนังสารคดีจำกัดโรง ที่ 1.3 แสนบาท ซึ่งทั้งสองเรื่องที่กล่าวมา นำเข้ามาฉายโดยค่าย Documentary Club เช่นกัน
หนังไทยสุดแหวกแนวอย่าง ส้วมซ่อนผี ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับวิโรจน์ ทองชิว ที่ได้นักร้องหนุ่ม เก่ง ธชย มาร่วมแสดงด้วย ทำเงินวันแรกไป 8,130 บาท จากโรงฉายในเขต กทม. เพียง 3 โรงเท่านั้น ซึ่งไม่ต่างจากตอนที่หนังเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับอย่าง รักเป็นบ้า ที่ได้เข้าฉายที่ลิโด้เพียงแห่งเดียว และทำเงินวันแรกไปเพียงหลักพันเช่นกัน
และสามหลังเก่าจากสุดสัปดาห์ก่อนที่รายได้ร่วงหนักเพราะโดนฉกทั้งโรงและคนดูกันไปถ้วนหน้า ทั้งหนังผจญความหนาวเหน็บ Arctic , หนังหายนะจากสวีเดนอย่าง The Unthinkable และ หนังอีสานผู้สาวขาแดนซ์ หน่าฮ่าน เก็บเงินวันพฤหัสนี้กันไป 1.5 หมื่น, 3.6 พัน และ 2.8 พันบาท ตามลำดับ (ลดลงจากพฤหัสแรกกันมากกว่า 90% เหมือนกันทั้งสามเรื่อง!!)