หลังปล่อยให้ Endgame เถลิงบัลลังก์แชมป์แบบไร้คู่แข่งอยู่นาน ก็ถึงเวลาเจอกับผู้ท้าชิงหน้าใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อเสียที ซึ่งได้แก่หนังดัดแปลงจากเกมดังคาแรคเตอร์สุดน่ารักอย่าง Pokémon Detective Pikachu ที่เข้าฉายรอบพิเศษชิมลางไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน และสามารถกระโดดขึ้นมาคว้าแชมป์ได้ในวันเข้าฉายจริงวันแรก ด้วยรายได้ 7.89 ล้านบาท (รวมรายได้จากรอบพิเศษเข้าไปด้วย ทำเงินรวม 4 วันไปแล้ว 11.42 ล้านบาท) กระโดดเข้า Top 5 หนังเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ได้พอดิบพอดี (มาอยู่อันดับที่ 5 เฉือนชนะซูเปอร์ฮีโร่สายเกรียน Shazam! ที่ 7.8 ล้านบาทไปแบบหวุดหวิด!) รวมไปถึงเป็นรายได้เปิดตัววันแรกในบ้านเราสำหรับหนังฮอลลิวู้ดดัดแปลงจากเกมดังที่ไม่เลวเลย เมื่อลองเทียบกับหนังในกลุ่มเดียวกันที่เข้าฉายเมื่อปีก่อน ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ทำได้น้อยกว่าที่ควร อย่างสาวนักผจญภัย Tomb Raider (เปิดตัววันแรกไป 4 ล้านบาท) หรือระดับหัวแถวของกลุ่มอย่างสัตว์ประหลาดบู๊ถล่มเมือง Rampage (เปิดตัววันแรกเอาไว้ที่ 12 ล้านบาท)

แชมป์เก่าสองสมัยอย่าง Avengers: Endgame ร่วงจากบัลลังก์เป็นครั้งแรก กับรายรับวันพฤหัสนี้ที่เก็บไปอีก 5.84 ล้านบาท (ลดลงจากพฤหัสที่แล้ว 68%) ยังคงคว้าสถิติของปีนี้ได้อีกหนึ่งตำแหน่ง คือหนังทำเงินวันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สามสูงสุดของปีนี้ (มากกว่าแชมป์เก่าอย่าง Captain Marvel ที่ 2 ล้านบาทเกินเท่าตัว) รวมถึงทำได้มากกว่าภาคก่อนอย่าง Avengers: Infinity War (3 ล้านบาท) และฝ่าบาท Black Panther ที่วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สามตรงกับวันหยุดวันมาฆบูชาพอดี (เกือบ 5 ล้านบาท) ได้อยู่ (แม้จะห่างไกลกับสถิติที่ พี่มาก..พระโขนง เคยทำเอาไว้สูงถึงระดับสิบล้านบาทเลยทีเดียว!) แต่สถิติที่เป็นไฮไลท์คือรายได้รวมของหนังที่กวาดไปแล้วถึง 568.74 ล้านบาท ช่วยให้ Endgame แซง พี่มาก..พระโขนง (568 ล้านบาท) ขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และรวมทั่วทั้งประเทศ (ทำเงินทะลุหลักพันล้านไปแล้ว)

อีกหนึ่งหนังใหม่ในสุดสัปดาห์นี้คือหนังตลกสองสาวแสบ The Hustle เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 7.5 แสนบาท ถือว่าพอใช้ได้อยู่สำหรับหนังแนวตลก-อาชญากรรมด้วยกัน แต่อาจจะไม่เยอะเท่าไหร่นักในเครดิตของสาวแอนน์ แฮทธาเวย์ที่มีหนังฟอร์มโตในเครดิตหลายเรื่องอยู่ อย่างเช่นเมื่อปีก่อนก็เพิ่งจะมีหนังรวมดาวอาชญากรหญิงอย่าง Ocean`s 8 เปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 2 ล้านบาท ส่วนฝั่งสาวเรเบล วิลสัน ถือว่าไม่ต่างจากหนังเรื่องก่อนๆ มากเท่าไหร่นัก แถมทำได้มากกว่าหนังปิดไตรภาค Pitch Perfect 3 เมื่อสองปีก่อนไปได้นิดหน่อยอีกด้วย ที่ 6 แสนบาท

รองแชมป์เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนอย่างหนังไทย ออนซอนเด เก็บเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 3.7 แสนบาท (ลดลงจากพฤหัสแรกถึง 71%!) และทำเงินรวม 9 วันไปแล้ว 16.61 แม้รายได้ยังคงไล่หลัง ฮักแพง หนังเรื่องก่อนของผู้กำกับและทีมนักแสดงชุดนี้อยู่ไม่ห่างมาก (ทำเงินถึงพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองไปเกือบ 18 ล้านบาท) แต่อย่างน้อยๆ หนังก็สามารถกระโดดขึ้นมาถึงอันดับ 4 หนังไทยทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้ตามเป้าสำเร็จ (เบียด สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ ของผู้กำกับ พชร์ อานนท์ ลงไป ที่ 14 ล้านบาท และน่าจะเป็นอันดับสูงสุดที่หนังจะสามารถไต่ขึ้นมาได้แล้ว เพราะยังตาทหลัง แสงกระสือ ที่เกือบสี่สิบล้านบาทอีกไกลโขทีเดียว!)

มาถึงคิวหนังใหม่อีกหนึ่งเรื่องอย่างหนังเอาตัวรอดในแดนเยือกแข็ง Arctic เปิดตัววันแรกไป 2.1 แสนบาท ซึ่งทำได้แทบจะเท่ากับหนังแนวเอาตัวรอดเมื่อปีก่อนอย่าง Adrift แทบจะเป๊ะๆ (เปิดตัววันแรกไป 2.1 แสนบาท) แต่ก็เป็นหนังเปิดตัววันแรกต่ำกว่าหลักล้านในบ้านเราเป็นเรื่องแรกในรอบ 5 ปีเลยทีเดียวสำหรับพระเอก แมดส์ มิคเคลสัน นับตั้งแต่ The Necessary Death of Charlie Countryman ที่ได้พระเอกหนุ่ม ไชอา ลาบัฟ แสดงนำ เปิดตัววันแรกในบ้านเราเมื่อห้าปีก่อนไปไม่ถึงหลักหมื่นบาท!

ส่วนเรื่องที่เหลือนอกเหนือจากนี้ ไม่มีเรื่องไหนสามารถทำเงินเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาเกินหลักแสนขึ้นมาได้เลย อย่างหนังแอนิเมชั่นเมื่อสัปดาห์ก่อน UglyDolls เก็บเงินพฤหัสนี้ไปอีก 6.5 หมื่นบาท รูดลงจากพฤหัสแรกถึง 82%!! ถือว่าตกลงมาแรงมากในกลุ่มหนังแอนิเมชั่นปีนี้ด้วยกัน แต่ก็ยังไม่ถือว่าแรงที่สุด เพราะปีนี้ยังมีอีกหนึ่งแอนิเมชั่นดัดแปลงจากของเล่นดังอย่าง The Lego Movie 2: The Second Part ที่รูดลงมามากถึง 92%!!! และเก็บเงินรวม 9 วันไปแล้ว 3.25 ล้านบาท

รวมถึงหนังใหม่อีกสองเรื่อง สองแนวใน Top 10 สัปดาห์นี้ อย่างหนังหายนะจากสวีเดน The Unthinkable ที่เปิดตัววันแรกไป 4.8 หมื่นบาท ซึ่งตามหลังอีกหนึ่งหนังหายนะจากฝั่งยุโรปในปีนี้อย่าง The Quake หลายเท่าตัว (แต่ก็ได้โรงมากกว่าหลายเท่าเช่นกัน ที่ 2 แสนบาท)

และหนังอีสานบ้านๆ อารมณ์ดี หน่าฮ่าน ของผู้กำกับสาวหน้า ใหม่ ฉันทนา ทิพย์ประชาติ เปิดตัวไปที่ 3.1 หมื่นบาท จากจำนวนโรงที่ไม่มากนัก