สุดสัปดาห์นี้คงไม่ต้องลุ้นแชมป์กันให้เสียเวลา เพราะถึงคิวของอีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มเต็งจากค่าย DC อย่าง Shazam! โชว์พลังคว้าแชมป์ไปตามคาด ด้วยรายได้เปิดตัววันแรกแบบเต็มวันที่ 7.8 ล้านบาท (รวมรายได้จากการฉายรอบพิเศษตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว เก็บเงินรวม 6 วันไปแล้ว 14.74 ล้านบาท) ถือเป็นตัวเลขวันแรกที่พอใช้ได้ แม้จะไม่แรงอย่างที่หลายๆ คนคาดหวัง แต่ก็ยังสูงในระดับ Top 5 เปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ได้อยู่ (อยู่อันดับที่ 4 เฉือนชนะ Alita: Battle Angel ไปนิดหน่อยที่ 7 ล้านบาท) และเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่เปิดตัวสูงอันดับ 2 ของปีนี้ (แน่นอนว่าตามหลังอันดับหนึ่งของปีนี้อย่าง Captain Marvel อยู่หลายเท่าตัว ที่ 37 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลขวันแรกที่ไม่ถึงหลักสิบล้านเลยทำให้ชาแซมของเรากลายเป็นหนังเปิดตัววันแรกน้อยที่สุดในจักรวาล DC Extended Universe เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว (น้อยกว่าหนังเปิดจักรวาลอย่าง Man of Steel ที่เคยเปิดตัวไม่ถึงหลักสิบล้านเช่นกันที่ 9 ล้านบาท) รวมไปถึงเทียบกับหนังที่เข้าฉายรอบพิเศษวันเสาร์เหมือนกันเมื่อปีก่อนอย่าง Bumblebee ที่แม้จะทำเงินรอบพิเศษได้น้อยกว่ามาก แต่พอถึงเวลาเข้าฉายจริงๆ วันแรกก็สามารถพลิกกลับมาทำเงินได้มากกว่า ที่ 9 ล้านบาท

หนังไทยหน้าใหม่สัปดาห์นี้ คืออีกหนึ่งหนังกระสือ อย่าง กระสือสยาม ที่มีอีกหนึ่งสาวจากวง BNK48 อย่าง มิวนิค นันท์นภัส ร่วมแสดงด้วย เปิดตัววันแรกในตัวแหน่งรองแชมป์ ด้วยรายได้ 1.14 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยกว่าหนังกระสืออีกเรื่องของปีนี้อย่าง แสงกระสือ ที่สัปดาห์นี้ยังติดอยู่ใน Top 10 เช่นกันอยู่พอสมควรทีเดียว (เปิดตัววันแรกเอาไว้ที่ 3 ล้านบาท) แต่อย่างน้อยๆ กระสือสาวของเราก็ยังสามารถเปิดตัววันแรกทะลุหลักล้าน (เป็นหนังไทยเรื่องที่ 6 ของปีนี้) ขึ้นมาได้อยู่ รวมไปถึงเข้าสู่ Top 5 หนังไทยเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ขึ้นมาได้แบบเฉียดฉิว (แซง รักไม่เป็นภาษา ที่ 1 ล้านบาทนิดๆ ไปแบบหวุดหวิด!) ส่วนเมื่อเทียบกับหนังไทยที่มีสาวๆ จากวง BNK48 ร่วมแสดงและเป็นจุดขาย (ซึ่งตอนนี้มีทั้งสิ้นสี่เรื่อง) เรื่องที่ใกล้เคียงที่สุดคือ App War แอปชนแอป ที่มีสาวอร BNK48 ร่วมแสดง ซึ่งเปิดตัววันแรกเอาไว้ใกล้เคียงกันที่ 1.3 ล้านบาท

เมื่อมีหนังใหม่ฟอร์มโตมาแย่งคนดูแบบนี้ บรรดาหนังเก่าเลยพากันรายได้ร่วงกราวกันไปตามระเบียบ ไม่เว้นแม้กระทั่งแชมป์เก่าประจำสุดสัปดาห์อย่างเจ้าช้างน้อย Dumbo ที่พฤหัสนี้เก็บไปอีก 5.2 แสนบาท (รูดลงจากพฤหัสแรกถึง 72%!!) และเก็บเงินรวม 8 วันไปแล้ว 14.12 ล้านบาท กลายเป็นหนังระดับสิบล้านเรื่องที่สองในรอบห้าปีของผู้กำกับทิม เบอร์ตั้นในบ้านเราไปแล้ว ส่วนในกลุ่มหนังคนแสดงค่ายดิสนี่ย์ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนดังด้วยกัน เรื่องที่ทำได้ใกล้เคียงที่สุดอย่างเจ้ามังกร Pete’s Dragon ก็ยังคงทำเงินตามหลังอยู่ (ทำเงิน 8 วันไป 11 ล้านบาท)
เช่นเดียวกับแชมป์วันพฤหัสที่แล้วอย่าง Us ที่เก็บเงินพฤหัสนี้ไปอีก 4.8 แสนบาท (รูดลงจากพฤหัสแรกไม่ต่างกันที่ 74%!!) และเก็บเงินรวม 8 วันไปแล้ว 11.5 ล้านบาท ยังคงทำเงินนำหน้าผลงานเรื่องก่อนของผู้กำกับ จอร์แดน พีล อย่าง Get Out อยู่พอสมควร (ทำเงิน 8 วันไป 8 ล้านบาท) ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดในบ้านเราของผู้กำกับจอร์แดน พีลในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
อีกหนึ่งหนังใหม่ดัดแปลงจากหนังสือขายดี เอาใจคนรักน้องหมา อย่าง A Dog’s Way Home เปิดตัววันแรกไป 5.2 แสนบาท ซึ่งดีขึ้นมานิดนึงเมื่อเทียบกับ A Dog’s Purpose อีกหนึ่งเรื่องที่ดัดแปลงมาจากหนังสือของดับเบิ้ลยู. บรูซ คาเมรอนเหมือนกันเมื่อสองปีก่อน เคยเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 4 แสนบาท
หนังโรงภาคใหม่ส่งท้ายให้กับคาเมนไรเดอร์(หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าไอ้มดแดง)ยุคเฮย์เซย์ทั้ง 20 ซีรี่ย์ที่ผ่านมา อย่าง Masked Rider Heisei Generations FOREVER เปิดตัววันแรกไป 3.2 แสนบาท นอกจากจะขึ้นแท่นเป็นหนังคนแสดงญี่ปุ่นเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ในบ้านเราไปแล้ว (แซงหนังซึ้ง Cafe Funiculi Funicula ที่ 8 หมื่นบาทไปแบบขาดลอย) ยังไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 2 หนังญี่ปุ่นเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้อีกด้วย (เป็นรองอนิเมะหนังโรง Fate/stay night: Heaven’s Feel II. lost butterfly เพียงเรื่องเดียว ที่ 4 แสนบาท) และเมื่อลองเทียบกับหนังโรงไรเดอร์-ครอสโอเวอร์ในซีรี่ย์ Heisei Generations ด้วยกัน อย่าง Dr. Pac-Man vs. Ex-Aid & Ghost with Legend Riders เมื่อสองปีก่อน ก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นมาก เพราะทำได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ที่ 1.7 แสนบาท
ซูเปอร์ฮีโร่หญิงแกร่ง Captain Marvel เก็บเงินวันพฤหัสนี้ไปอีก 2.3 แสนบาท (รูดลงจากพฤหัสที่แล้ว 73%!!) และกวาดเงินรวมไปแล้ว 255.47 ล้านบาท แซงเจ้าสมุทร Aquaman (254 ล้านบาท) ขึ้นแท่นเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ฉายเดี่ยวภาคแรกทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย และเดินหน้าเข้าสู่ Top 5 หนังซูเปอร์ฮีโร่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราได้สำเร็จ (กลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่หญิงเรื่องแรกที่ขึ้นมาถึง Top 5 ในบ้านเราได้)
หนังไทยอีกสองเรื่องในสัปดาห์นี้อย่าง สิ้น 3 ต่อน และ แสงกระสือ ทำเงินพฤหัสที่ผ่านมาไปค่อนข้างใกล้เคียงกัน ที่ 2 และ 1.4 แสนบาท ตามลำดับ (รูดลงจากพฤหัสที่แล้ว 77% เหมือนกัน!!) และเก็บเงินรวมกันไปแล้ว 5.98 และ 38.35 ล้านบาทตามลำดับ เหลือแต่ฝั่งสิ้น 3 ต่อนที่ยังพอมีลุ้นอยู่ว่าจะกระโดดเข้าสู่ Top 5 หนังไทยทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้ทันหรือไม่ (ยังหยุดอยู่ที่อันดับ 6 ตามหลัง รักไม่เป็นภาษา ไม่มากแล้ว ที่ 7 ล้านบาท)
ปิดท้ายตารางกันด้วยอีกหนึ่งหนังใหม่แนวโรแมนติกจากแดนปลาดิบอย่าง Snow Flower เปิดตัววันแรกไป 5.7 หมื่นบาท เพิ่มขึ้นจากผลงานเรื่องก่อนหน้าของนางเอกสาวนาคาโจ อายามิ ที่ได้เข้าฉายในบ้านเราอย่าง Let’s Go, Jet! เมื่อสองปีก่อน เคยเปิดตัววันแรกในวงที่ค่อนข้างจำกัดเช่นกันที่ 3 หมื่นบาท