สุดสัปดาห์นี้ดูท่า Captain Marvel จะยังรักษาตำแหน่งบนบัลลังก์ต่อไปได้แบบสบายๆ อีกหนึ่งสมัย จากรายได้วันพฤหัสนี้ที่ยังทิ้งห่างเรื่องอื่นอยู่พอประมาณ ที่ 2.14 ล้านบาท (ลดลงจากพฤหัสที่แล้ว 60%) ซึ่งถึงแม้ว่าจะลดลงมาไม่มากเท่าไหร่นัก แต่กลับกลายเป็นว่าหนังพลาดคว้าสถิติรายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สามสูงสุดของปีนี้มาครองเสียแล้ว (ปล่อยให้ Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ยังนอนกอดสถิตินี้อยู่ต่อไป ที่ 2.7 ล้านบาท) และทำรายได้รวม 16 วันไปแล้วทั้งสิ้น 231.63 ล้านบาท ยังคงเกาะกลุ่มก๊วนหนังฮีโร่มาร์เวลที่ทำเงินในระดับ 250 ล้านขึ้นไปมาแบบติดๆ (ทำได้แทบจะเท่ากับ The Avengers ภาคแรก ณ ช่วงเวลาที่เท่ากันเลยด้วยซ้ำ) แต่นั่นเลยทำให้อันดับของกัปตันมาร์เวลในกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโร่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา (อันดับที่ 7) และซูเปอร์ฮีโร่ฉายเดี่ยวภาคแรกทำเงินสูงสุดตลอดกาล (ตามหลัง Aquaman เพียงเรื่องเดียว) ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
ขณะที่ตำแหน่งแชมป์ดูเหมือนจะลอยลำไปแล้ว ตำแหน่งรองแชมป์กลับสู้กันดุเดือดกว่าเสียอย่างนั้น! กลายเป็นการช่วงชิงกันระหว่างหนังถึงสามเรื่องที่ทำเงินได้สูสีกันมาก ซึ่งเรื่องที่ออกนำไปก่อนคือหนังที่นำตำนานกษัตริย์อาร์เธอร์มาตีความใหม่ อย่าง The Kid Who Would Be King เปิดตัววันแรกไป 1.48 ล้านบาท ถือว่าไม่มากเท่าไหร่ตามประสาหนังที่เจาะกลุ่มเด็กๆ เป็นหลัก รวมไปถึงทำได้น้อยกว่าหนังตำนานกษัตริย์อาร์เธอร์เรื่องก่อนอย่าง King Arthur: Legend of the Sword ของผู้กำกับกาย ริชชี่ ที่ทุนสูงกว่า, ขายฉากแอ็กชั่นมากกว่า เลยเปิดตัววันแรก(ซึ่งตรงกับวันหยุดวันวิสาขบูชา)ไปถึง 6 ล้านบาท!
ส่วนรองแชมป์สัปดาห์ก่อนอย่าง แสงกระสือ ก็ทำรายได้ไล่จี้มาติดๆ ที่ 1.46 ล้านบาท (ลดลงจากพฤหัสแรกเกินครึ่งไปนิดเดียวที่ 51%) กลายเป็นหนังเรื่องที่ 6 ของปีนี้ที่ทำเงินวันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองเกินหลักล้านขึ้นมาได้ (ซึ่งก็หยุดอยู่อันดับที่ 6 รายได้วันพฤหัสสุดสัปดาห์ที่สองสูงสุดของปีนี้ด้วยเช่นกัน ตามหลังอีก 5 เรื่องที่ทำเงินเกินสองล้านบาทด้วยกันทั้งสิ้น!) และทำเงินรวม 8 วันไปแล้ว 23.64 ล้านบาท ดูท่าจะหยุดอยู่อันดับที่ 3 หนังไทยทำเงินสูงสุดของปีนี้แน่นอนแล้ว (ไล่ตาม พี่นาค ที่เก็บเงินไปมากกว่าห้าสิบล้านบาทไม่น่าจะทันแล้ว) แต่ที่แสงกระสือคว้าแชมป์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือตำแหน่งหนังกระสือทำเงินสูงสุดตลอดกาลในไทย เอาชนะ ตำนานกระสือ ของผู้กำกับบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ครองแชมป์มาอย่างยาวนานถึง 17 ปี (ปิดรายได้เอาไว้ที่ 15 ล้านบาท) รวมไปถึงบินทะลุเข้าสู่ Top 3 หนังทำเงินสูงสุดของค่าย Transformation เป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน (ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 แทนที่ ตุ๊กแกรักแป้งมาก ที่ 20 ล้านบาท)

อีกหนึ่งหนังใหม่คือหนังสยองขวัญ Cadaver ตามมาไม่ห่างนักด้วยรายได้เปิดตัววันแรก 1.38 ล้านบาท ถือเป็นหนังผีฝรั่งเปิดตัววันแรกเกินหลักล้านบาทเรื่องแรกของปีนี้เลยก็ว่าได้ (ส่วนในกลุ่มหนังผีในรอบปีนี้ ยังตามหลังสามหนังปีไทย อย่าง พี่นาค, แสงกระสือ และ แช่ง ที่ต่างก็ทำได้มากกว่าสองล้านบาทอยู่พอสมควร)
หนังใหม่เช่นกัน แต่ตามกลุ่มหัวตารางมาห่างๆ คือหนังต่างดาวยึดโลกอย่าง Captive State ที่เปิดตัววันแรกไป 2.8 แสนบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ หากต้องนำไปเทียบกับหนังแนวเอเลี่ยนบุกโลกทั้งหลายด้วยกัน (ที่ต่างก็เป็นหนังฟอร์มโต และเน้นขาย CG, ขายฉากบู๊สนั่นกันเป็นส่วนใหญ่) ซึ่งกระทั่งเรื่องที่ฟอร์มใกล้เคียงกันหน่อยอย่างหนังภาคต่อ Beyond Skyline เมื่อสองปีก่อน ที่เน้นขายฉากแอ็กชั่นมากกว่า เลยเปิดตัววันแรกได้มากกว่าหลายเท่าตัว ที่ 1 ล้านบาท
ส่วนสองหนังเก่าสัปดาห์ก่อนอย่าง Cold Pursuit และ Wonder Park โดนทัพหนังใหม่แย่งคนดูไปพอสมควร จนเก็บเงินพฤหัสนี้ไปใกล้เคียงกัน ที่ 1.6 และ 1.3 แสนบาท ตามลำดับ (แต่ฝั่งลุงเลียมอาการหนักหน่อย เพราะรูดจากพฤหัสแรกลงไปเกือบ 80%!! ขณะที่ฝั่งสวนสนุกสุดอัศจรรย์อาการดีกว่านิดนึง แต่ก็รูดลงมาไม่น้อยที่ 73%!!) และเก็บรายได้รวม 8 วันกันไปแล้ว 5.26 และ 4.3 ล้านบาท หมดลุ้นหลักสิบล้านกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยกันทั้งคู่
ด้านหนังใหม่ของหนุ่มอัสซ่า บัตเตอร์ฟิลด์ อย่าง Departures ที่เปิดตัวใหม่ในสัปดาห์นี้เช่นกัน ทำเงินวันแรกไป 7.9 หมื่นบาท แทบจะเท่ากับหนังเรื่องก่อนหน้าอย่าง Time Freak เลยทีเดียว (เฉือนชนะไปแค่หลักพัน ที่ 7 หมื่นบาท)
ขณะที่หนังไทยร้อยล้าน Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน (เก็บเงินไปอีก 3.3 หมื่นบาท และทำเงินรวมไปแล้วทั้งสิ้น 129.99 ล้านบาท) กำลังลุ้นติด Top 10 สุดสัปดาห์นี้เป้นสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในกลุ่มหนังไทยแน่นอนแล้ว และกำลังจะอยู่ใน Top 10 ติดต่อกันยาวนานเป็นอันดับ 2 ของปีนี้ เป็นรองหนังดีกรีออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้อย่าง Green Book (7 สัปดาห์ติดต่อกัน) เพียงเรื่องเดียว