กลายเป็นการส่งท้ายเดือนมกราที่คึกคึกขึ้นมาทันตา หลังแอนิเมชั่นภาคต่อฟอร์มเต็งอย่าง How to Train Your Dragon: The Hidden World นำทัพหนังใหม่เข้าป้ายแชมป์ ด้วยรายได้เปิดตัววันแรกถึง 13.86 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สูงในระดับหนังบล็อกบัสเตอร์ซักเรื่องในบ้านเราเลยทีเดียว (เช่นหากลองเทียบกับรายได้วันแรกของหนังปีก่อน ก็สูงถึงขนาดเกือบเข้า Top 10 ได้เลยทีเดียว โดยมาหยุดอยู่ที่อันดับ 11) ซึ่งก็ทำให้เขี้ยวกุดของเราขึ้นแท่นหนังเปิดตัววันแรกสูงสุด(พ่วงตำแหน่งหนังเปิดตัววันแรกเกินสิบล้านบาทเรื่องแรก)ของปีนี้ไปแบบไม่ยากเย็น (แซงแอนิเมชั่นไอ้แมงมุม Spider-Man: Into the Spider Verse ไปแบบขาดลอยเกินสิบล้านบาท!!) แถมรายได้วันแรกของเขี้ยวกุดเรื่องเดียว ยังทำได้มากกว่ารายได้วันแรกของอีกสี่เรื่องที่เหลือใน Top 5 หนังเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้รวมกันเสียอีก! (รวมกันได้ 10 ล้านกว่าๆ)

ส่วนในกลุ่มหนังแอนิเมชั่น เขี้ยวกุดภาคนี้นอกจากจะทำเงินวันแรกแซงสองภาคก่อนหน้าไปแบบขาดลอยสุดๆ (ภาคสองเคยทำเอาไว้ที่ 2 ล้านบาท) หนังยังทะยานขึ้นไปไกลด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์แอนิเมชั่นเปิดตัววันแรกสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราได้อีกด้วย! (ล้มแชมป์เก่าอย่างก๊วน Minions ซึ่งเคยทำเอาไว้เกือบ 12 ล้านบาทเมื่อ 4 ปีก่อนได้สำเร็จ!)

อีกหนึ่งหนังใหม่เข้าป้ายมาในอันดับที่ 2 กับหนังระทึกห้องปริศนา Escape Room เปิดตัววันแรกไป 1.74 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้ได้ทีเดียวสำหรับหนังแนวระทึกเอาตัวรอด แถมหนังยังไต่ขึ้นไปถึง Top 5 รายได้เปิดตัววันแรกสูงสุดของวันนี้ได้อีกด้วย (อยู่อันดับ 5 ตามหลังหนังผีไทย แช่ง อยู่ร่วมล้านบาท) รวมไปถึงทำได้มากกว่าหนังระทึกภาคล่าสุดตระกูลดัง อย่าง Jigsaw กลับมาเปิดตัววันแรกในบ้านเราไป 1 ล้านนิดๆ
หนังไทยน่ารักๆ ตะลุยต่างแดนเรื่องใหม่ส่งท้ายเดือนแรก อย่าง รักไม่เป็นภาษา ของผู้ควบคุมงานสร้าง เรียว กิตติกร เปิดตัววันแรกไป 1.09 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเกินคาดอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเป็นหนังไทยเปิดตัววัยแรกสูงเป็นอันดับสองของปีนี้ (เป็นรองเรื่อง แช่ง ที่ 2 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น) แต่ก็ถือว่าห่างไกลกลับผลงานเรื่องก่อนหน้าของค่าย M๓๙ อย่าง ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก (ในฐานะผู้ร่วมทุนสร้าง) ที่เปิดตัววันแรกไปเกือบ 4 ล้านบาทเลยทีเดียว (สูงสุดของค่ายในรอบหลายปี)
รองแชมป์เก่าสองสมัย อย่าง Spider-Man: Into the Spider Verse ที่น่าจะได้รับผลกระทบจากการมาของเจ้ามังกร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หนักมากอย่างที่คิด (เมื่อเทียบกับหนังเก่าเรื่องอื่นๆ) โดยเก็บรายได้พฤหัสนี้ไปอีก 1.5 แสนบาท (ลดลงจากพฤหัสที่แล้ว 63%) และเก็บรายรับรวมไปแล้ว 48.2 ล้านบาท ยังพอมีลุ้นที่จะทำเงินทะลุหลักห้าสิบล้านได้อยู่ แม้อาจจะไม่ใช่เรื่องแรกของปีนี้แล้วก็ตาม (รายได้ยังคงนำหน้า ๙ ศาสตรา ณ ช่วงเวลาเดียวกันอยู่ ที่ 47 ล้านบาท)
ส่วนนอกเหนือจากเรื่องที่กล่าวไปแล้ว ก็ไม่มีเรื่องไหนทำเงินเกินหลักแสนในวันพฤหัสที่ผ่านมาขึ้นมาได้เลย ซึ่งมีทั้งหนังเข้าชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้เพียงเรื่องเดียวที่เหลืออยู่ อย่าง Green Book เก็บเงินพฤหัสนี้ไปอีก 7.6 หมื่นบาท และเก็บเงินรวมไปแล้ว 7.64 ล้านบาท
หนังเก่าจากสัปดาห์ก่อนเพียงเรื่องเดียวที่ยังติดอยู่ใน Top 10 สัปดาห์นี้ อย่าง On the Basis of Sex เก็บเงินพฤหัสนี้ไปอีก 7.1 หมื่นบาท (ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 68%!) และเก็บเงินรวมสองสัปดาห์ไปแล้ว 1.77 ล้านบาท ตามหลังที่ส่งให้สาวเฟลิซิตี โจนส์ เข้าชิงออสการ์ อย่าง The Theory of Everythingในช่วงเวลาที่เท่ากันเก็บไปแล้วมากกว่า 2 ล้านบาท
และหนังใหม่อีกสองเรื่องที่เหลือ ที่เรื่องหนึ่งคือการนำหนังเก่าระดับขึ้นหิ้งดีกรี 9 รางวัลออสการ์กลับมาฉายใหม่อีกครั้ง อย่าง The Last Emperor เปิดตัววันแรกไป 6 หมื่นบาท จากการเข้าฉายเพียงสองโรงเท่านั้น! เทียบกับอีกหนึ่งหนังขึ้นหิ้งดีกรี 7 รางวัลออสการ์ อย่าง Schindler’s List ที่กลับมาเข้าฉายเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีจากจำนวนโรงเพียงสามโรง และเก็บเงินวันแรกไป 3.2 หมื่นบาท
อีกหนึ่งเรื่องคือหนังดราม่าเรื่องล่าสุดของนักแสดงหญิงดีกรีออสการ์ จูเลีย โรเบิร์ตส อย่าง Ben is Back เปิดตัววันแรกไป 3.9 หมื่นบาท ลดลงจากเรื่องก่อนหน้าของจูเลีย อย่าง Wonder หลายเท่าตัวเลยทีเดียวที่ 5 แสนบาท