กลายเป็นสุดสัปดาห์ที่เงียบเหงาลงไปถนัดตา เมื่อหนังใหม่ที่เข้าฉายเพียงสามเรื่องไม่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ใดๆ ขึ้นมาได้ รวมไปถึงไม่มีหนังเรื่องไหนทำเงินแตะหลักล้านได้ในวันพฤหัสที่ผ่านมา ตำแหน่งแชมป์เลยยังคงเป็นของหนังซูเปอร์ฮีโร่สายดาร์กอย่าง Glass ที่เก็บรายได้วันพฤหัสนี้ไปอีก 7.8 แสนบาท (ลดลงจากพฤหัสแรก 62%) ซึ่งถือเป็นแชมป์วันพฤหัสเรื่องแรกในรอบหลายปีมากๆ ที่ทำเงินไม่ถึงหลักล้านบาท (อย่างเมื่อปีก่อนไม่มีพฤหัสไหนที่ไม่หนังทำเงินไม่ถึงล้านแม้แต่สัปดาห์เดียว!) และทำเงินรวม 9 วันไปแล้ว 18.16 ล้านบาท กำลังจะแซง Split (18 ล้านบาท) ในวันศุกร์นี้แล้ว และคงใช้เวลาอีกซักพักเพื่อทำเงินแซง Unbreakable (ทำรายได้รวมเอาไว้ที่ 22 ล้านบาท) ขึ้นเป็นภาคที่ทำเงินสูงสุดในไตรภาคให้ได้ตามเป้า ส่วนในเครดิตของผู้กำกับเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน หนังเพิ่งจะพ้นจากอันดับท้ายๆ มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก (แต่ยังคงไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ โดยล่าสุดมาอยู่อันดับที่ 8 แซง The Happening ที่ 17 ล้านบาทขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง)

รองแชมป์สัปดาห์ก่อนอย่างแอนิเมชั่น Spider-Man: Into the Spider-Verse ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน กับรายได้พฤหัสนี้ที่เก็บไปอีก 4.1 แสนบาท (ลดลงจากพฤหัสที่แล้วเกินครึ่งนิดหน่อยที่ 53%) และเก็บเงิน 22 วันไปแล้ว 43.79 ล้านบาท ยังคงอยู่ในเส้นทางการทำเงินทะลุหลักห้าสิบล้านอยู่ จากรายได้เข้าสู่สุดสัปดาห์ที่สามที่ยังคงนำหน้าหนังที่ทำได้ใกล้เคียงกันเมื่อปีก่อนอย่าง ๙ ศาสตรา อยู่ (หนุ่มอ๊อดทำเอาไว้ที่ 42 ล้านบาทจากจำนวนวันที่เท่ากัน)

เช่นเดียวกับหนังผีไทยสามตอนอย่าง แช่ง ก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเช่นกัน เก็บรายได้พฤหัสนี้ไปอีก 3.3 แสนบาท (ลดลงจากพฤหัสแรกพอสมควร ที่ 66%) และเก็บเงิน 9 วันไปแล้ว 10.65 ล้านบาท กลายเป็นหนังผีไทยเรื่องแรกที่ทำเงินทะลุหลักสิบล้านขึ้นมาได้ในรอบสองปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่ชหนังผีจากค่าย GDH อย่าง เพื่อน..ที่ระลึก เคยทำเอาไว้เมื่อสองปีก่อนที่ 34 ล้านบาท) และน่าจะแซงผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับจิต กำเหนิดรัตน์ อย่างหนังตลกสลับร่าง เลิฟอะรูมิไลค์ รักอะไรไม่รู้ (12 ล้านบาท) ในอีกไม่นานนี้แล้ว

ตำแหน่งหนังใหม่ที่เปิดตัววันแรกได้สูงที่สุดในวันพฤหัสที่ผ่านมา ตกเป็นของหนังชีวประวัติหญิงแกร่งผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิสตรีในอเมริกา อย่าง On the Basis of Sex เปิดตัววันแรกไปที่ 2.4 แสนบาท ถือเป็นตัวเลขที่ใช้ได้ทีเดียวสำหรับหนังแนวนี้ รวมไปถึงไม่มีกระแสการเข้าชิงรางวัลจากเวทีต่างๆ มาเข้าช่วยด้วยแบบนี้ ซึ่งเมื่อลองเทียบกับหนังเรื่องก่อนๆ ของนางเอกสาวเฟลิซิตี้ โจนส์ ที่ทำได้ใกล้เคียงกัน (ข้ามหนังฟอร์มโตอย่าง Rogue One: A Star Wars Story และ Inferno ที่เปิดตัวเกินหลักล้านอยู่แล้ว!) แม้จะตามหลังหนังที่มีกลิ่นอายแฟนตาซีผสมเข้ามาอย่าง A Monster Calls เกินเท่าตัว (เปิดตัววันแรกหลังฉายรอบพิเศษไป 5 แสนบาท) แต่ก็ทำได้มากกว่าหนังที่ส่งให้เธอได้ลุ้นรางวัลออสการ์อย่าง The Theory of Everything เมื่อ 4 ปีก่อนอยู่ (เปิดตัววันแรกหลังฉายรอบพิเศษเช่นกันที่เกือบ 2 แสนบาท)

อีกหนึ่งหนังใหม่ขายฮาตามสไตล์ผู้บ้านไทบ้าน เคล้าเพลงหมอลำเพราะๆ อย่าง หมอลำมาเนีย เข้า Top 5 มาด้วยรายได้เปิดตัววันแรก 1.9 แสนบาท ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควรในช่วงที่กระแสหนังวิถีอีสานกำลังบูมแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังแทบไม่มีจุดขายเรียกคนดูในวงกว้างมาช่วยแบบเรื่องอื่นๆ เลย อย่างเช่นไม่มีนักแสดงหรือศิลปินชื่อดังมาช่วยขายแบบ ฮักแพง หนังรวมพลคนดนตรีอีสาน (เปิดตัววันแรกไปถึง 4.8 ล้านบาท), ผู้สาวขาเลาะ เดอะ มูฟวี่ อินดี้ ที่มีสองสาวลำไย ไหทองคำ และ อาม ชุติมาเป็นจุดขาย (แม้รายได้จะถือว่าล้มเหลว แต่ก็ยังเปิดตัววันแรกได้มากกว่าอยู่ดี ที่ 2.3 ล้านบาท) หรือลองนำไปเทียบกับหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อ แต่ได้กระแสโกยเงินจากฝั่งอีสานมาช่วยเรียกคนดู อย่าง ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานอินดี้ ภาคแรก เปิดตัววันแรกในเขต กทม. (หลังจากฉายที่ภาคอีสานไปก่อนหน้านี้แล้ว) ที่ 4 แสนบาท และ ไทบ้าน เดอะซีรี่ย์ ภาคแรก ที่ กทม. เข้าฉายหลังภาคอีสานไปไม่กี่วัน ก็เปิดตัวไปพอๆ กับผู้บ่าวไทบ้านที่เกือบ 5 แสนบาท

ส่วนในกลุ่มหนังเก่ามีสองเรื่องที่สามารถก้าวไปถึงจุดหมายที่รอคอยมาอย่างยาวนานเสียที เรื่องแรกคือเจ้าสมุทร Aquaman ที่เก็บเงินรวมเกือบเจ็ดสัปดาห์ไปแล้วถึง 252.42 ล้านบาท แซงหนังรวมพลฮีโร่ฝั่งมาร์เวลอย่าง The Avengers ภาคแรก (252 ล้านบาท) เข้าสู่ Top 5 หนังซูเปอร์ฮีโร่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา (อยู่อันดับที่ 5) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

อีกเรื่องคือเจ้าหุ่นสีเหลือง Bumblebee ที่ทำเงินรวมไปแล้วถึง 100.38 ล้านบาท ทะลุหลักร้อยล้านเป็นเรื่องที่ 12 และเป็นเรื่องสุดท้ายของปี 2018 ได้สำเร็จเสียทีหลังจากที่ลุ้นกันมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงไว้ลายให้รุ่นพี่ หนัง Transformers ภาคก่อนๆ ที่ต่างก็ทำเงินเกินหลักร้อยล้านกันมาอย่างต่อเนื่องทุกภาค ไม่ให้ขาดตอนจนได้!

และผู้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้ ที่ยังติดโผอยู่ใน Top 10 ก็ยังคงเป็นสองหนังผู้ชนะภาพยนตร์ยอดเยี่ยมลูกโลกทองคำหน้าเดิม อย่าง Green Book และ Bohemian Rhapsody ที่ยังเดินหน้าเก็บเกี่ยวกระแสจากเวทีรางวัลต่างๆ ต่อไป (ทำเงินรวมไปแล้ว 6.56 และ 22.4 ล้านบาท ตามลำดับ)