หนังสารคดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีการจากไปของ ฮิเดโตะ มัตสึโมโตะ หรือ ฮิเดะ มือกีต้าร์, นักร้องระดับตำนานชาวญี่ปุ่น ผู้เป็นที่รักของแฟนๆ ชาวไทยจำนวนไม่น้อย ที่ไม่ได้เดินเรื่องผ่านการนำฟุตเทจหรือภาพเก่าๆ ที่เกาะติดชีวิตของฮิเดะมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวตรงๆ แต่เป็นการเดินเรื่องผ่านตัวละครอย่างนักแสดงหนุ่มยาโมโตะ ยูมะ (ที่หลายคนอาจจะพอคุ้นหน้าจากหนังเรื่อง Kimi no Suizo wo Tabetai หรือชื่อไทยว่า ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ) ในฐานะชายที่รู้จักวง X Japan และฮิเดะเพียงผิวเผิน ไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของฮิเดะ โดยมีจุดเริ่มต้นที่หลุมศพของฮิเดะ, บ้านเกิดของฮิเดะซึ่งมีร้านโปรดที่เขาชอบมากินอยู่เป็นประจำ, ไปพบกับน้องชายของฮิเดะซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัว และเริ่มต้นขมวดไปสู่ปมหลักของหนังนั่นก็คือ “สาเหตุการตายของฮิเดะนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากการฆ่าตัวตาย หรืออุบัติเหตุกันแน่?” ซึ่งจะพาคนดูบินไปยังลอสแอนเจลิส สถานที่ที่ฮิเดะมาทำการอัดเพลงยาวนานถึง 3 เดือน และเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่อยู่ในเพลง Hurry Go Round เพลงสุดท้ายของฮิเดะที่ยังไม่เสร็จดีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แทรกไปพร้อมๆ กับฟุตเทจชีวิตการทำงานของฮิเดะในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ยังคงรุ่งโรจน์อยู่

โดยรวมแล้วอารมณ์ของหนังเป็นดั่งคู่มือวิชา “Hideto 101” ก็ไม่ปาน โดยมีนักแสดงหนุ่มยูมะซึ่งไม่ประสีประสาเรื่องราวของฮิเดะ(เหมือนเป็นตัวแทนของคนดูที่ไม่ได้เป็นแฟนของฮิเดะมาตั้งแต่ต้น) เรียนรู้เรื่องราวไปพร้อมๆ กับคนดู โดยเป็นไกด์นำตามรอยไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ให้แฟนๆ มือใหม่ และแฟนพันธุ์แท้ ได้สัมผัสบรรยากาศคร่าวๆ พร้อมกับพบปะผู้คนที่เกี่ยวข้องกับฮิเดะ เพื่อซักถามเรื่องราวผ่านความทรงจำของแต่ละคน รวมไปถึงให้คนดูได้ทำความรู้จักนิสัยใจคอและความสามารถของฮิเดะผ่านฟุตเทจทั้งเบื้องหน้า, เบื้องหลังการทำงาน และผลงานยุคฉายเดี่ยวของเขาทั้งจากเอ็มวีและบันทึกคอนเสิร์ตหลายๆ เพลงที่ตัดมาร้อยเรียงให้ดูกันพอหอมปากหอคอ ซึ่งสำหรับคนดูที่ไม่รู้จักฮิเดะมาก่อนก็สามารถดูเรื่องนี้ได้แบบเข้าใจเรื่องราวตามไปด้วยได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
ส่วนใครที่ผ่านการดูสารคดีวง X Japan อย่าง We Are X ที่เข้าฉายในบ้านเราเมื่อสองปีก่อนมาแล้ว Hurry Go Round ก็แทบไม่ต่างจากหนังภาค Spin-off กึ่งๆ ภาคต่อของ We Are X ที่แยกมาพูดเรื่องของฮิเดะคนเดียวโดยเฉพาะช่วงหลังยุบวง X Japan นั่นเอง โดยมีหลายๆ ฉากที่มองให้เชื่อมโยงไปถึงกันได้อยู่ รวมไปถึงช่วงต้นเรื่องซึ่งได้โยชิกิ หัวหน้าวง X Japan มาพูดถึงช่วงที่ชวนฮิเดะเข้าวง X ซึ่งคล้ายกับประโยคที่ฮิเดะพูดเอาไว้ใน We Are X เลยก็ว่าได้ แต่สำหรับใครที่อิ่มเอมไปกับเรื่องราวสุดดราม่าไปพร้อมกับโทนหนังที่ดูจัดจ้านของเรื่องก่อน คงต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ฉีกทั้งวิธีการเล่าเรื่องและโทนหนังแทบจะไปคนละทางกันเลยทีเดียว เปลี่ยนมาเป็นการเดินทางที่อารมณ์เรื่อยๆ นิ่งๆ แฝงความอึมครึมหน่อยๆ รวมไปถึงหนังไม่ได้ต้องการที่จะขยี้ประเด็นดราม่าความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ แต่สื่อให้เห็นถึงความอาลัยอาวรณ์ และความรู้สึกผิดที่ยังติดตัวหลายๆ คน(รวมไปถึงตัวโยชิกิเองด้วย) ผ่านประโยคคล้ายๆ กันว่า “ถ้า”วันนั้นเขาทำแบบนั้น…ฮิเดะอาจจะยังอยู่ถึงทุกวันนี้ก็ได้ รวมไปถึงประเด็นการสืบสวนมูลเหตุที่อาจจะทำให้ฮิเดะคิดปลิดชีพตัวเอง โดยการเดาความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ผ่านภาพฟุตเทจส่วนตัว, ตามรอยสถานที่ต่างๆ ใน LA ที่ฮิเดะอาศัยอยู่ถึง 3 เดือนในช่วงท้ายของชีวิต และเนื้อเพลง Hurry Go Round ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของฮิเดะที่ถูกปล่อยออกมาอาจจะไม่ได้เจาะลึกถึงขั้นสร้างความกระจ่างมากนัก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าถึงตัวจะตายไปแล้ว แต่ผลงานจะยังคงอยู่ให้ผู้คนสามารถตามระลึกและเห็นตัวตนหลายแง่มุมของเขาได้อยู่เสมอ

โดยสรุปแล้ว Hurry Go Round อาจจะไม่ใช่สารคดีที่หวือหวาเร้าอารมณ์ แต่ก็เป็นหนังที่ดูง่ายไม่ซับซ้อน ซึ่งน่าจะทำให้แฟนๆ อิ่มเอม, หายคิดถึงฮิเดะกันอยู่ไม่น้อย และเป็นส่วนเติมเต็มเนื้อเรื่องส่วนที่เหลือให้กับหนังสารคดี We Are X ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงซับไตเติ้ลที่ถูกแปลออกมาอย่างปราณีต,เข้าใจง่ายโดยคุณพลากรเจ้าเก่า ที่ถ่ายทอดให้เห็นความรู้สึกและแนวคิดหลายๆ อย่างของฮิเดะผ่านบทเพลงที่เขาแต่งออกมามากขึ้นอีกด้วย