สุดสัปดาห์ส่งท้ายปี มีกองทัพหนังใหม่หลากแนวตบเท้ากันเข้ามาลงโรงฉายถึง 9 เรื่อง!! (รวม 2 เรื่องที่ขอชิมลางเข้าฉายรอบพิเศษในสัปดาห์นี้ก่อนด้วย) แต่ถึงแม้จะยกโขยงกันมามากขนาดนี้ สุดท้ายกลับกลายเป็นเจ้าสมุทร Aquaman แชมป์สองสุดสัปดาห์สองสมัยที่สามารถแหวกทัพหนังใหม่ขึ้นมาคว้าแชมป์วันพฤหัสนี้ไปครองได้อีกครั้ง โดยเก็บรายได้ไปอีก 4.26 ล้านบาท ที่นอกจากจะลดลงมาจากพฤหัสที่แล้วไม่ถึงครึ่ง! (-47%) รายได้วันพฤหัสสัปดาห์ที่สามของหนังยังสามารถแซงสองอภิมหายักษ์ใหญ่อย่าง Avengers: Infinity War และ Jurassic World: Fallen Kingdom ที่คอยขวางทางสถิติรายวัน-รายสัปดาห์ของเจ้าสมุทรอยู่ได้สำเร็จ! (ทำเอาไว้ที่ 3 และ 1 ล้านบาทตามลำดับ) แต่ถึงอย่างนั้นรายได้วันพฤหัสสัปดาห์ที่สามของเจ้าสมุทรกลับยังไม่สูงที่สุดของปีนี้อยู่ดี เพราะเจอฝ่าบาท Black Panther ที่ได้อานิสงค์วันหยุดตรงกับวันมาฆบูชาในวันพฤหัสนั้นพอดีมาโดดมาขวางทางเสียอย่างนั้น! (เก็บไปถึง 6 ล้านบาท) อย่างไรก็ตามรายได้รวม 12 วันของหนังที่กวาดไปแล้วถึง 199.08 ล้านบาทก็มากพอที่จะแซงฮีโร่เสือดำ
Black Panther (199 ล้านบาท) ไต่เข้าสู่ Top 3 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้เสียที (ตามหลังสองยักษ์อย่าง Avengers: Infinity War และ Jurassic World: Fallen Kingdom เช่นเคย ที่ 420 และ 288 ล้านบาทตามลำดับ) พ่วงตำแหน่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ทำเงินสุงเป็นอันดับ 2 ของปีนี้
(ตาม Avengers: Infinity War แค่เรื่องเดียวนั้นแหละ) และกลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ฉายเดี่ยวภาคแรกทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราแทนที่ Black Panther ไปในที่สุด

หนังใหม่สัปดาห์นี้ที่เปิดตัววันแรกได้สูงที่สุดคือหนังไทยขายฮาส่งท้ายปีอย่าง ขุนบันลือ ผลงานคืนสังเวียนการกำกับหนังอีกครั้งของนักแสดงตลกชื่อดัง หม่ำ จ๊กมก เปิดตัววันแรกไป 4.1 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขวันแรกที่ไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับหนังไทยซักเรื่องรวมไปถึงไม่มีวันหยุดมาช่วยด้วย แม้จะไม่สามารถไต่ขึ้นไปถึง Top 5 หนังไทยเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ได้อย่างที่หลายคนหวังไว้ (หยุดอยู่อันดับที่ 8 ตามหลัง ขุนพันธ์ 2 และ ฮักแพง ไม่มาก ที่ 4.2 ล้านบาท) แต่ก็ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับ ส่ม ภัค เสี่ยน ผลงานการกำกับเรื่องแรกของคุณเอ็ม บุษราคัม ลูกสาวของคุณหม่ำเองซึ่งกลายเป็นหนังฮิตเกินคาดไปเมื่อปีก่อน (เปิดตัววันแรกไป 5 ล้านบาท) รวมไปถึงกลายเป็นหนังที่คุณหม่ำกำกับทำเงินวันแรกสูงสุดในรอบ 6 ปีอีกด้วย นับจากที่หนังอีสานภาคต่ออย่าง แหยม ยโสธร 3 เคยเปิดตัววันแรกไป 5 ล้านบาทในตอนนั้น

แชมป์เก่าเมื่อวันพฤหัสที่แล้วอย่าง Bumblebee ร่วงลงมาอยู่อันดับ 3 โดยเก็บเงินไปอีก 3.44 ล้านบาท ลดลงจากพฤหัสแรกถึง 62% ซึ่งก็ยังอยู่ในเกณฑ์ของหนังฟอร์มโตเรื่องอื่นๆ อยู่ (แถมเมื่อเทียบกับหนัง Transformers ภาคก่อนอย่าง The Last Knight ซึ่งทำเงินวันพฤหัสที่สองร่วงลงมาจากพฤหัสแรกถึง 80% บัมเบิ้ลบีของเราถือว่าดูดีขึ้นมาทันตา!) ส่วนรายรับรวม 10 วันของหนังที่เก็บไปแล้ว 57.61 ล้านบาท ถือว่ายากพอสมควรที่จะลุ้นให้หนังซิ่งไปถึงปลายทางที่หลักร้อยล้านได้ ซึ่งก็ต้องหวังพึ่งวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงนี้ว่าจะช่วยเจ้ารถเต่าของเราได้มากแค่ไหน

นอกเหนือจากสามอันดับแรกที่กล่าวถึงไปแล้ว 7 อันดับที่เหลือใน Top 10 ต่างก็เป็นหนังเปิดตัวใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น! ไล่ไปตั้งแต่อนิเมะหนังโรงภาคใหม่ของการ์ตูนสุดมันส์ระดับตำนานอย่าง Dragon Ball Super: Broly ที่ครั้งนี้จับเอาตัวร้ายขวัญใจแฟนๆ อย่างโบรลี่กลับมาขึ้นจออีกครั้ง โดยเปิดตัววันแรกไป 1.35 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีมากทีเดียว เพราะนอกจากจะกลายเป็นหนังญี่ปุ่นเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ของปีนี้ (เป็นรองพี่ม่อนภาคล่าสุดอย่าง Doraemon the Movie: Nobita’s Treasure Island ที่ 1.5 ล้านบาทเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น) ยังติด Top 10 หนังแอนิเมชั่นเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ (อยู่อันดับที่ 8) และเป็นอนิเมะหนังโรงของตระกูล Dragon Ball ที่เปิดตัววันแรกสูงที่สุดในบ้านเราอีกด้วย! โดยเอาชนะภาค Dragon Ball Z: Battle of the Gods ไปแบบขาดลอยที่ 6 แสนบาท (แต่ส่วนหนึ่งเพราะสองภาคก่อนหน้าเข้าฉายแบบจำกัดโรง เฉพาะเครือ SF เท่านั้นด้วย)

สองหนังภาคต่อจากวรรณกรรมชื่อดัง(แต่แนวต่างกันสุดขั้ว!)เปิดตัวมาไล่เลี่ยกันอย่าง Goosebumps 2: Haunted Halloween และ Mary Poppins Returns โดยเจ้าหุ่นฝังแค้นเปิดตัววันแรกไป 1.1 ล้านบาท น้อยกว่าที่ภาคแรกเคยทำเอาไว้เมื่อสามปีก่อนอยู่พอสมควรเลยทีเดียว (2.4 ล้านบาท)

ส่วนภาคต่อของพี่เลี้ยงสาวมหัศจรรย์ที่ตามหลังภาคก่อนถึง 54 ปี! เข้าฉายล่วงหน้าเรื่องอื่นๆ ไปแล้วตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านซึ่งตรงกับวันคริสต์มาส ทำเงินวันพฤหัสแรกไป 8.7 แสนบาท รวมสามวันหนังทำเงินไปแล้ว 2.74 ล้านบาท อาจจะเป็นตัวเลขที่ดูไม่มากนักเมื่อเทียบกับฝั่งอเมริกาที่กำลังไปได้ค่อนข้างดีในช่วงวันหยุดยาว แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้สำหรับหนังแนวนี้ที่กลุ่มคนดูในบ้านเราไม่กว้างมากเท่าไหร่และได้โรงฉายไปไม่เยอะ ซึ่งอย่างน้อยๆ หนังก็ยังทำได้มากกว่าอีกหนึ่งหนังร่วมค่ายดัดแปลงจากวรรณกรรมดังและได้รับคำชมไปไม่น้อยอย่าง Christopher Robin ทำเงินวันพฤหัสแรกหลังจากฉายรอบพิเศษไปแล้วที่ 7.7 แสนบาท อย่างไรก็ดีรายได้สามวันแรกของหนังก็เฉือนเอาชนะรายได้วันแรกวันเดียวของ Into the Woods ผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับร็อบ มาร์แชลล์ (ที่มีนางเอกสาวเอมิลี่ บลันท์ และเจ้าป้าเมอริล สตรีพร่วมแสดงด้วย) ไปแบบเฉียดฉิวเท่านั้น (ทำเอาไว้ที่ 2.6 ล้านบาท) และเป็นหนังทำเงินวันแรกสูงเป็นอันดับสองของปีนี้สำหรับสาวเอมิลี่ บลันท์ โดยมากกว่าหนังแอนิเมชั่นภาคต่อ Sherlock Gnomes ที่เธอให้เสียงพากย์ (2 แสนบาท) แต่น้อยกว่าหนังสยองสุดฮิตอย่าง A Quiet Place (4 ล้านบาท) อยู่พอสมควรทีเดียว

หนังแอ็กชั่นภาคแยกอย่าง Master Z: Ip Man Legacy ที่แม้เรื่องนี้จะไม่มีต้นตำหรับบทอาจารย์ยิปอย่างเฮียดอนนี่ เยนมาร่วมแสดง (แต่ขยับขึ้นไปเป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่องนี้แทน) แต่ก็รวมนักแสดงคุ้นหน้าคนดูบ้านเราเอาไว้หลายคนรวมไปถึงพระเอกนักบู๊ของไทยอย่างจา พนมด้วย อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะช่วยได้ไม่มากเท่าไหร่เพราะหนังเปิดตัววันแรกไปค่อนข้างเงียบเหงาซักหน่อยที่ 4.9 แสนบาท แม้จะยังติด Top 5 หนังจีน/ฮ่องกงทำเงินเปิดตัววันแรกสูงสุดของปีนี้ได้อยู่ แต่เมื่อเทียบกับภาคหลังภาคล่าสุดของอาจารย์ยิปเองอย่าง Ip Man 3 ก็ถือว่าห่างกันอยู่พอสมควร (ทำเอาไว้วันแรกที่ 1.3 ล้านบาท)

หนังมิตรภาพต่างสายพันธุ์อย่าง Mia and the White Lion เปิดตัววันแรกเพียง 1.6 แสนบาท ซึ่งด้วยแนวหนังและฟอร์มหนังที่ไม่ได้ใหญ่นักเลยอาจทำให้ขายยากกว่าหนังมิตรภาพต่างสายพันธ์ุเรื่องอื่นๆ ในปีนี้อยู่ซักหน่อย เช่น คู่ซี้ยุคโบราณใน Alpha (เปิดตัววันแรก 2 ล้านบาท) หรือซี้สุนัขจักรกล A-X-L (เปิดตัววันแรก 8 แสนบาท)

และปิดท้ายด้วยสองหนังดราม่าแฝงความฮาอย่าง Green Book และ Instant Family ที่ขอหยั่งเชิงเรียกกระแสจากคนดูในช่วงยุคยาวส่งท้ายปี เปิดตัวรอบพิเศษวันแรกไปที่ 5.2 และ 3.7 หมื่นบาทตามลำดับ จากโรงฉายที่ใกล้เคียงกัน (20 โรง)