สุดสัปดาห์นี้แฟนๆ หนังไทยยังคงได้เฮอย่างต่อเนื่อง หลัง HOMESTAY คว้าแชมป์เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันได้สำเร็จ แต่ด้วยรายได้ที่อาจจะแผ่วจากสัปดาห์แรกไปพอสมควร เก็บไปอีก 10.8 ล้านบาท (ลดลงจากสัปดาห์ก่อนถึง 71%!) แม้จะร่วงลงมาค่อนข้างแรง เมื่อเทียบกับบรรดาหนังไทยที่เปิดตัวเกินสิบล้านบาทในรอบปีนี้ด้วยกัน (ไม่มีเรื่องไหนที่ทำรายได้ลดลงเกิน 70%) แต่รายได้สัปดาห์ที่สองของหนังก็ยังคงสูงระดับ Top 5 ในกลุ่มหนังไทยปีนี้อยู่ดี (อยู่อันดับที่ ตามหลัง ๙ ศาสตรา แค่ไม่กี่แสน ที่ 10.7 ล้านบาท) ส่วนรายได้รวมสองสัปดาห์หนังเก็บไปแล้ว 59.39 ล้านบาท (ส่วนทั่วทั้งประเทศ ทะลุหลักร้อยล้านได้แล้ว! ที่ 107 ล้านบาท) ยังคงหยุดอยู่ที่อันดับ 4 หนังไทยทำเงินสูงสุดประจำปีนี้อยู่ แต่ก็ขยับไล่จี้ ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก เข้าไปเรื่อยๆ เหลือไม่ถึงสิบล้านแล้ว ส่วนที่น่าเสียดายสำหรับโฮมสเตย์ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นโอกาสที่หนังจะทำเงินทะลุหลักร้อยล้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดูท่าจะริบหรี่จนแทบจะหลุดมือไปแล้ว เพราะเมื่อลองเทียบกับรุ่นพี่ร่วมค่ายเรื่องก่อนๆ ที่ทำเงินเปิดตัวไม่ต่างกันมากอย่าง แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว และ ฉลาดเกมส์โกง จะเห็นว่า นอกจากทั้งสองเรื่องจะทำเงินลดลงจากสัปดาห์แรกไม่ถึงครึ่ง (เก็บเงินสัปดาห์ที่สองกันไปอีก 23 และ 21 ล้านบาท ตามลำดับ) ทั้งสองเรื่องยังเก็บเงินรวมสองสัปดาห์ทิ้งห่างโฮมสเตย์ไปมากกว่ายี่สิบล้านแล้วด้วย! (ทำรายได้รวมสองสัปดาห์ 86 และ 91 ล้านบาทตามลำดับ) ทำให้ค่าย GDH เหลือโอกาสน้อยลงไปทุกที ที่จะมีหนังร้อยล้านมากกว่าหนึ่งเรื่องในปีเดียวกันเป็นปีแรกของค่าย รวมไปถึงหนุ่มเจมส์ ธีรดนย์ และผู้กำกับโอ๋ ภาคภูมิ ยังคงต้องรอหนังทำเงินสูงสุดในเครดิตเรื่องใหม่กันต่อไป โดยโฮมสเตย์ตามหลัง ฉลาดเกมส์โกง ที่ปิดรายได้หลักร้อยล้านของหนุ่มเจมส์เพียงเรื่องเดียว ส่วนผู้กำกับโอ๋ ภาคภูมิ ยังมีสองหนังร้อยล้านอย่าง 5 แพร่ง และ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ขวางทางอยู่ (ส่วนสาวเฌอปราง BNK48 ลอยลำ ได้หนังทำเงินสูงสุดในเครดิตเรื่องใหม่ไปตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว!)

เบียดหนังใหม่เรื่องอื่นๆ ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ได้สำเร็จ สำหรับหนังแฟนตาซีแดนมหัศจรรย์เรื่องใหม่จากค่ายดิสนี่ย์ อย่าง The Nutcracker and the Four Realms เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 8.82 ล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่หวือหวาซักเท่าไหร่ แม้จะเปิดตัวได้มากกว่าหนังแฟนตาซีที่ทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวังในปีนี้ของค่ายดิสนี่ย์ด้วยกันอย่าง A Wrinkle in Time (เปิดตัวเพียง 2.8 ล้านบาท) ไปหลายเท่าตัว รวมไปถึงเอาชนะเจ้าหมีพูห์ที่หลายๆ คนชื่นชอบอย่าง Christopher Robin (เปิดตัวที่ 5 ล้านบาท) ไปพอสมควร แต่หนังก็ยังตามหลังบรรดารุ่นพี่ร่วมค่ายแนว”ดินแดนมหัศจรรย์”ทั้งหลายอยู่ไม่น้อย อย่างเรื่องที่พอจะใกล้เคียงกันอยู่เมื่อสองปีก่อน อย่างหนังภาคต่อ Alice Through the Looking Glass ที่แม้ความนิยมในฝั่งอเมริกาจะหายไปค่อนข้างเยอะ (ทิ้งช่วงจากภาคแรกนานถึง 6 ปี) แต่ในบ้านเราก็ยังเปิดตัวไปได้พอสมควรอยู่ ลดลงจากภาคแรกไม่มากเท่าไหร่ ที่ 15 ล้านบาท หรือที่ทำได้โหดๆ ไปเลยเมื่อปีก่อนอย่าง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร Beauty and the Beast ที่มีแฟนๆ เวอร์ชั่นการ์ตูนรอคอยกันอยู่ค่อนข้างเยอะ เลยเปิดตัวในบ้านเราไปแบบอลังการถึง 58 ล้านบาทเลยทีเดียว ส่วนเครดิตของทีมนักแสดงนั้น รายได้เปิดตัวระดับนี้ถือว่าค่อนข้างธรรมดามากสำหรับทีมนักแสดงในเรื่องที่ต่างก็มีหนังฟอร์มยักษ์ในเครดิตกันอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งนางเอกสาวแม็คเคนซี่ ฟอย ที่แม้หนังในเครดิตอาจจะยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เธอเธอได้ผ่านการเล่นหนังฟอร์มโตมาตั้งแต่ยังเด็กๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่นัทแครกเกอร์จะเป็นหนังเปิดตัวสูงอันดับ 3 ในบ้านเราของเธอ (หรืออันดับ 4 หากนับ The Twilight Saga: Breaking Dawn – Part 1 ที่เธอโผล่มาแว้บๆ เข้ามาด้วย)

หนังไทยสุดฮอตอย่าง นาคี ๒ ยังเกาะ Top 3 เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้รายได้สุดสัปดาห์นี้จะร่วงลงมาหนักพอสมควร เก็บเงินไปอีก 7.62 ล้านบาท (ลดลงจากสัปดาห์ก่อนถึง 69%) แต่รายได้สุดสัปดาห์ที่สามก็ยังถือว่าสูงมากสำหรับหนังไทยในรอบปีนี้อยู่ (สูงเป็นอันดับ 2 เป็นรอง น้อง.พี่.ที่รัก ที่ 8 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียว) รวมไปถึงรายได้รวมสามสัปดาห์ของหนังที่เก็บไปแล้วถึง 156.04 ล้านบาท (รวมทั่วทั้งประเทศกวาดไปแล้ว 437 ล้านบาท!) นอกจากจะทำเงินแซง Mission: Impossible – Fallout (151 ล้านบาท) ขึ้นไปอยู่อันดับ 4 หนังทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ได้เสียที หนังยังไต่เข้าสู่ Top 10 หนังไทยทำเงินสูงสุดตลอดกาลได้แล้วอีกด้วย! โดยตอนนี้หยุดอยู่ที่อันดับ 9 ตามหลังหนังตลกสุดฮิต หลวงพี่แจ๊ส 4G อีกเพียงสิบล้านเท่านั้น (166 ล้านบาท)
สองหนังใหม่ต่างแนวที่ชิมลางฉายรอบพิเศษไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วได้เวลาขยายโรงขยายรอบในสัปดาห์นี้ต่างก็ทำได้ดีทั้งคู่ ทั้งหนังภาคล่าสุดของฆาตกรจอมเชือดไมเคิล เมเยอร์ อย่าง Halloween ที่ปัดฝุ่นกลับมาเรียกเงินจากแฟนๆ ฝั่งอเมริกาไปได้แบบถล่มทลาย ส่วนในบ้านเรา เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไปที่ 6.97 ล้านบาท (รวมรอบพิเศษสัปดาห์ก่อนเก็บเงินไปแล้ว 11.27 ล้านบาท) ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวสำหรับหนังแนวฆาตกรไล่เชือดที่นานๆ ทีจะมีซักเรื่องทำเงินทะลุหลักสิบล้านขึ้นมาได้ในช่วงหลังๆ โดยเมื่อเทียบกับหนังจากค่าย Blumhouse ด้วยกันในปีนี้ แม้หนังเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 3 (ตามหลังสองหนังภาคต่อ The First Purge และ Insidious: The Last Key เปิดตัวเอาไว้ที่ 8 และ 7.8 ล้านบาท ตามลำดับ) แต่รายได้รวมของหนังน่าจะไต่ทะลุขึ้นไปคว้าตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดของค่าย Blumhouse ในปีนี้ได้อยู่ เพราะรายได้รวมตอนนี้ตามหลังอันดับหนึ่งอย่าง Insidious: The Last Key ไม่ถึงห้าล้านบาทแล้ว! รวมไปถึงเทียบกับเพื่อนๆ ขาเชือดระดับตำนานด้วยกัน การกลับมาภาคล่าสุดของแต่ละคนดูเหมือนจะทำรายได้ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ย้อนไปไม่นานเมื่อปีก่อนมีทั้งหนังปลุกผีฆาตกรกับดักสังหาร “จิ๊กซอว์” อย่าง Jigsaw ก็พอทำให้แฟนๆ หายคิดถึงไปได้บ้าง เก็บเงินในบ้านเราไป 6 ล้านบาท หรือภาคย้อนรอยกลับไปจุดเริ่มต้นของมือเลื่อยหน้ากากหนัง สิงหาสับ อย่าง Leatherface ก็เก็บเงินในบ้านเราไปค่อนข้างเงียบเหงา เพียง 2 ล้านบาท หรือแม้แต่ภาครีเมคของเข้านิ้วเขมือบ เฟรดดี้ คูเกอร์ อย่าง Nightmare on Elm Street ก็ยังไม่สามารถไต่ทะลุหลักสิบล้านขึ้นมาไต่ ทำไปแบบเฉียดๆ ที่ 9 ล้านบาท ซึ่งก็จะรวมไปถึงหนังในตระกูล Halloween ด้วยกัน (ภาคล่าสุดที่ได้เข้าฉายในบ้านเราเมื่อ 16 ปีที่แล้ว อย่าง Halloween: Resurrection ทำเงินในบ้านเราไปแค่ 2 ล้านบาทเท่านั้น) ฮาโลวีนภาคนี้กลายเป็นภาคแรกในรอบเกือบยี่สิบปีเลยก็ว่าได้ที่ทำเงินเกินหลักสิบล้านขึ้นมาได้
อีกหนึ่งเรื่องคือหนังดัดแปลงจากเรื่องราวของวงควีน วงร็อกระดับตำนาน และนักร้องนำผู้ล่วงลับเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ อย่าง Bohemian Rhapsody ที่กำลังโกยเงินในฝั่งอเมริกาและอังกฤษอยู่ในตอนนี้ บ้านเราเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 3.88 ล้านบาท (รวมรอบพิเศษสัปดาห์ก่อน เก็บเงินรวมไปแล้วทั้งสิ้น 4.64 ล้านบาท) ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทำหรับหนังแนวดราม่าชีวิตนักร้อง-นักดนตรีในบ้านเรา โดยเปิดตัวได้ดีกว่าหนังแนวคล้ายๆ กันที่เพิ่งจะเข้าฉายในบ้านไปก่อนหน้านี้ไม่นานนี่เอง อย่าง A Star Is Born เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 2.5 ล้านบาท (แต่ด้วยจำนวนโรงที่น้อยกว่ากันหลายเท่าตัวอยู่) รวมไปถึงเมื่อเทียบกับหนังกลุ่มดัดแปลงจากชีวิตจริงของนักร้องดังขึ้นจอ(ไม่รวมสารคดี) หนังใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ (รวมรอบพิเศษ) ขึ้นแท่นเป็นหนังดัดแปลงจากชีวิตจริงของนักร้องต่างประเทศ ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเราอีกด้วย! (แซง Walk the Line ที่ 2.2 ล้านบาทไปแบบสบายๆ) แต่หากเมื่อนับรวมหนังชีวประวัตินักร้องไทยเข้ามาด้วย ก็จะเป็นรองเพียงแค่ พุ่มพวง เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น (เก็บเงินไปถึง 44 ล้านบาท)
ส่วนหนังใหม่เรื่องอื่นๆ ใน Top 10 ประกอบด้วยหนังซอมบี้ย้อนยุคจากแดนกิมจิอย่าง Rampant เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 2.7 ล้านบาท ถือเป็นหนังเกาหลีเปิดตัวสูงอันดับ 3 ของปีนี้ในบ้านเรา (ตามหลังหนังภาคต่อฟอร์มโตอย่าง Along with the Gods: The Last 49 Days และหนังรีเมค Be With You ที่ 5 และ 3 ล้านบาทตามลำดับ) แต่ยังน้อยกว่าหนังซอมบี้ย้อนยุคสัญชาติอื่นๆ ในบ้านเราพอสมควร ทั้งซอมบี้อังกฤษอย่าง Pride and Prejudice and Zombies (เปิดตัว 6 ล้านบาท) หรือซอมบี้ไทยอย่าง ผีห่าอโยธยา (เปิดตัว 5 ล้านบาท)
หนังไทยแฟนตาซีเคล้าวัฒนธรรมของภาคใต้ อย่าง โนราห์ ผลงานการกำกับและร่วมแสดงเรื่องใหม่ของคุณเอกชัย ศรีวิชัย เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 8.7 แสนบาท ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร แม้จะทำได้เพิ่มขึ้นจากผลงานการกำกับเรื่องก่อนของคุณเอกชัย อย่าง เทริด เกือบเท่าตัวก็ตาม (เปิดตัวที่ 4.7 แสนบาท)
หนังหลอนรีเมคอย่าง Suspiria เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 3.4 แสนบาท (รวมรายได้จากวันฮาโลวีนด้วย เก็บเงินรวมไปแล้ว 4.8 แสนบาท) ก็ถือว่าทำไปได้พอประมาณสำหรับหนังสยองที่จำนวนโรงไม่เยอะมากเท่าไหร่ รวมไปถึงรายได้เปิดตัวแทบจะเท่ากับหนังเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับลูกา กัวดานีโน อย่าง Call Me By Your Name แบบเป๊ะๆ เลย ที่ 3.4 แสนบาท (แต่เรื่องหลังเข้าฉายแค่โรงเดียวเองนะ!)
Top 10 สุดสัปดาห์นี้ เก็บเงินรวมกันไปถึง 47 ล้านบาท
ลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 43% (84 ล้านบาท)
และลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันในปีก่อน 50% (94 ล้านบาท)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังฮีโร่มาร์เวลปิดไตรภาค Thor: Ragnarok ขึ้นแท่นแชมป์ตามคาด ด้วยรายได้เปิดตัวแบบถล่มทลายถึง 92 ล้านบาท!