สุดสัปดาห์นี้ แม้จะมีหนังใหม่เข้าฉายมากมายหลายแนว แต่ท้ายที่สุด ก็ยังคงเป็นแชมป์จากสัปดาห์ก่อนอย่าง HOMESTAY ที่ยังคงเกาะบัลลังก์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เก็บรายได้พฤหัสนี้ไปอีก 1.78 ล้านบาท ลดลงจากพฤหัสแรกถึง 79% เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นรายได้วันพฤหัสสัปดาห์ที่สอง สูงเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มหนังไทยปีนี้อยู่ (เป็นรอง นาคี ๒, น้อง.พี่.ที่รัก และ ไทบ้านเดอะซี่รีย์ 2.2) รวมไปถึงหนังทำเงินทะลุหลัก 50 ล้านได้แล้ว ด้วยระยะเวลา 8 วัน (ทั่วทั้งประเทศไทยเก็บไปแล้วถึง 90 ล้านบาท) โดยเพิ่งจะเป็นหนังไทยเรื่องที่ 5 ของปีนี้ที่ทำเงินทะลุหลักนี้ขึ้นมาได้ และทะลุขึ้นมาเร็วเป็นอันดับ 3 ของหนังไทยปีนี้อีกด้วย (แน่นอนว่าตามหลัง นาคี ๒ และ น้อง.พี่.ที่รัก ที่ทะลุหลักนี่ได้ตั้งแต่สุดสัปดาห์แรกเพียงสองเรื่องเท่านั้น) ส่วนเมื่อเทียบกับหนังค่าย GDH ด้วยกัน โฮมสเตย์ก้าวขึ้นมาเป็นหนังระดับ 50 ล้านเรื่องที่ 4 ของค่าย แต่ก็ใช้เวลาทะลุหลัก 50 ล้านช้ากว่าสามเรื่องก่อนหน้าด้วยเช่นกัน (เรื่องที่เคยช้าที่สุดคือหนังฮิตเมื่อปีก่อนอย่าง ฉลาดเกมส์โกง ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 6 วัน)

มีหนังใหม่สองเรื่องในสัปดาห์นี้ขับเคี่ยวแย่งพื้นที่ใน Top 3 กันแบบสูสี ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นหนังภาคล่าสุดของตัวละครจอมเชือดขวัญใจแฟนๆ อย่าง Halloween ที่คว้าอันดับสองได้ในวันพฤหัสที่ผ่านมา หลังจากที่หนังได้อานิสงค์ไปเต็มๆ จากการเปิดฉายแบบรอบปกติวันแรกในวันฮาโลวีนที่ผ่านมา จนเก็บเงินไปถึงสองล้านบาทเลยทีเดียว โดยพฤหัสนี้เก็บเงินไป 1.39 ล้านบาท (แรงหมดลดลงจากวันพุธเกือบล้าน) ถือเป็นรายได้วันแรกที่ไม่หนีจากหนังค่าย Blumhouse ด้วยกันในรอบปีนี้เท่าไหร่ (มีอีกสองเรื่องที่เปิดตัววันแรกเกินหลักล้านนั่นก็คือ Insidious: The Last Key และ The First Purge ทำเอาไว้ที่ 1.9 และ 1.5 ล้านบาทตามลำดับ)
อีกหนึ่งเรื่องคือหนังแฟนตาซัสีสันสดใสจากค่ายดิสนี่ย์อย่าง The Nutcracker and the Four Realms เปิดตัววันแรกไปเบาๆ ที่ 1.36 ล้านบาท ถือว่าตามหลังบรรดารุ่นพี่ร่วมค่ายแนว”ดินแดนมหัศจรรย์”ส่วนใหญ่อยู่พอสมควร แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังทำรายได้วันแรกดีกว่าหนังแฟนตาซีร่วมค่ายที่ทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวังในปีนี้อย่าง A Wrinkle in Time เปิดตัววันแรกได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ที่ 4 แสนบาท
หนังไทยสุดฮิตอย่าง นาคี ๒ ยังคงเดินหน้าเก็บเงินแบบสบายๆ แม้สัปดาห์นี้จะเริ่มออกอาการแผ่วพอสมควร เก็บเงินพฤหัสสัปดาห์ที่สามไปอีก 1.09 ล้านบาท (ลดลงจากพฤหัสก่อนถึง 76%) แต่เก็บเงิน 15 วันไปแล้วถึง 149.51 ล้าน เตรียมฉลองทะลุ 150 ล้านแทบจะต่อๆ กันเลย หลังจากที่เพิ่งฉลองขึ้นแท่นเป็นหนังไทยทำเงินสูงสุดในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ไปเมื่อวันฮาโลวีนที่ผ่านมา แซงหนังของสาวญาญ่าอีกเรื่องอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก ที่ 146 ล้านบาทไปในที่สุด (ส่วนรายได้ทั่วประเทศไทย หนังขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในกลุ่มหนังไทยได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกแล้ว!) ส่วนอันดับในกลุ่มหนังทำเงินสูงสุดปีนี้ล่าสุด หนังเข้า Top 5 มาอยู่ที่อันดับ 5 แล้ว (และเตรียมตัวแซงอันดับ 4 อย่าง Mission: Impossible – Fallout ที่ 151 ล้านบาทในอีกไม่กี่วันข้างหน้า)
ส่วนในกลุ่มหนังใหม่สัปดาห์นี้เรื่องที่เหลือใน Top 10 มีทั้งหนังดัดแปลงจากเรื่องราวของนักร้องระดับตำนาน เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ อย่าง Bohemian Rhapsody ที่ชิมลางเข้าฉายรอบพิเศษไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเช่นกัน เปิดตัววันแรกแบบเต็มวันไปที่ 6 แสนบาท ถือว่าทำได้ค่อนข้างพอใช้ได้ รวมไปถึงเมื่อเทียบกับหนังแนวดราม่าของนักร้องในปีนี้อย่าง A Star Is Born ก็ถือว่าทำได้ดีกว่า (เรื่องหลังเก็บเงินวันแรกไป 4 แสนบาท แต่จากโรงฉายที่น้อยกว่ากันถึงสี่เท่า!) ส่วนรายนได้รวม เก็บเงินทะลุหลักล้านไปแล้ว (1.36 ล้านบาท)
อีกหนึ่งหนังซอมบี้จากแดนกิมจิ แต่ครั้งนี้มาในแนวย้อนยุค อย่าง Rampant เปิดตัววันแรกไป 5 แสนบาท ถือเป็นรายได้เปิดตัววันแรกสูงอันดับ 3 ของหนังเกาหลีในบ้านเราปีนี้ (ตามหลัง Along with the Gods: The Last 49 Days และ Be With You โดยแพ้เรื่องหลังไปแค่หมื่นเดียว!) รวมไปถึงทำได้มากกว่ารอบพิเศษวันแรกของหนังซอมบี้เกาหลีสุดฮิตอย่าง Train to Busan ไปพอประมาณ (ทำไป 3 แสนบาท)
หนังไทยเชิดชูศิลปะวัฒนธรรมชาวใต้ อย่าง โนราห์ ผลงานเรื่องล่าสุดของคุณเอกชัย ศรีวิชัย เปิดตัววันแรกไป 2.7 แสนบาท อาจจะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อย แต่อย่างน้อยๆ หนังก็ทำได้เพิ่มขึ้นมาจาก เทริด ผลงานการกำกับเรื่องแรกของคุณเอกชัยหลายเท่าเลยทีเดียว (เปิดตัววันแรกไป 7 หมื่นบาท แต่กวาดเงินจากภาคใต้ไปไม่น้อย)
และหนังหลอนรีเมคอย่าง Suspiria ที่เข้าฉายวันแรกไปตั้งแต่วันฮาโลวีน เก็บเงินวันพฤหัสไปอีก 7.5 หมื่นบาท (รวมสองวันทำเงินไป 2.1 แสนบาท) ซึ่งรายได้วันพฤหัส แทบจะเท่ารายได้วันแรกของ Call Me By Your Name ผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับลูกา กัวดานีโนเลยทีเดียว (เปิดตัววันแรกไป 7.6 หมื่นบาท แต่จากแค่โรงเดียวเท่านั้น!!)