สุดสัปดาห์นี้ หนังไทยภาคต่อจากละครขวัญใจแฟนๆ อย่าง นาคี ๒ เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไปแบบกระหึ่มโรงถึง 73.54 ล้านบาท (หากรวมรายได้ทั่วทั้งประเทศ หนังเก็บเงินรวมทะลุ 200 ล้านไปแล้ว!!) ถือเป็นรายได้เปิดตัวที่ค่อนข้างเกินคาดเอามากๆ โดยเฉพาะในกลุ่มหนังไทยที่ไม่ได้เห็นหนังเปิดตัวในระดับเกิน 70 ล้านมานานแล้ว (เกือบสี่ปีนับตั้งแต่ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ เปิดตัวในระดับเกือบร้อยล้านสุดสัปดาห์แรก) เลยทำให้นาคีของเราคว้าตำแหน่งหนังเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงสุดของปีนี้ไปครอง แทนที่หนังอีกหนึ่งเรื่องของสาวญาญ่า อย่าง น้อง.พี่.ที่รัก ซึ่งเคยเปิดตัวกระหึ่มไม่แพ้กันที่ 66 ล้านบาท รวมทั้งไต่ขึ้นไปถึง Top 5 หนังเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงสุดของปีนี้ แซงหนังฝรั่งระดับบล็อกบัสเตอร์ไปจำนวนไม่น้อย (หยุดอยู่ที่อันดับ 4 ตามหลังฝ่าบาท Black Panther ไม่มากเท่าไหร่ ที่ 77 ล้านบาท) แถมรายได้เฉลี่ยต่อโรงของหนังที่สูงถึง 2.6 แสนบาท ก็ถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มหนังไทยปีนี้ด้วยกันแล้ว (ทิ้งห่าง น้อง.พี่.ที่รัก ไปพอสมควร ที่ 2.1 แสนบาท / โรง) และสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มหนังที่เข้าฉายในวงกว้างเกินหลักร้อยโรงของปีนี้ (เป็นรองสองหนังอภิมหาบล็อกบัสเตอร์อย่าง Avengers: Infinity War และ Jurassic World: Fallen Kingdom เพียงสองเรื่องเท่านั้น!)


ส่วนสถิติตลอดกาลในกลุ่มหนังไทย นอกจากนาคีจะเป็นหนังเปิดตัวสูงสุดในรอบเกือบสี่ปี (หลังจาก ไอฟายฯ เปิดตัวในระดับเกือบร้อยล้านอย่างที่กล่าวไปข้างบน) หนังยังทะยานเข้าสู่ Top 10 หนังไทยเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกสูงสุดตลอดกาลได้อีกด้วย มาอยู่ที่อันดับ 8 ตามหลัง สุริโยไท เพียงเล็กน้อย ที่ 75 ล้านบาท รวมไปถึงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสี่ปีอีกเช่นกัน ที่มีหนังไทยทำเงินเปิดตัวสูงในระดับ Top 10 ของกลุ่มหนังไทยตลอดกาลถึงสองเรื่องในปีเดียวกัน (ครั้งก่อนหน้าคือสองหนังไทยระดับปรากฏการณ์อย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี และ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ เคยเปิดตัวในระดับเกิน 90 ล้านกันทั้งคู่ในปีนั้น) ขณะที่ในเครดิตของสองนักแสดงนำและผู้กำกับ แน่นอนว่ามาถึงตอนนี้นาคีขึ้นแท่นเป็นหนังเปิดตัวสูงสูดในเครดิตของทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งพระเอกหนุ่มแบรี่ ณเดชน์ คูกิมิยะ (แซงหนังเรื่องแรกของหนุ่มแบรี่อย่าง คู่กรรม ไปแบบขาดลอย ที่ 23 ล้านบาท), นางเอกสาวญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ (แซงหนังเรื่องแรกของสาวญาญ่าในปีนี้เช่นกัน อย่าง น้อง.พี่.ที่รัก) และผู้กำกับอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง (แซงรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกของ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ที่ 16 ล้านบาทไปตั้งแต่วันแรกแล้ว!) โดยหนุ่มณเดชน์ และผู้กำกับอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ พิเศษหน่อยตรงที่ได้หนังทำเงินรวมสูงสุดในชีวิตตั้งแต่สัปดาห์แรกอีกด้วย! (หนุ่มณเดชน์คือการแซง คู่กรรม ที่ 45 ล้านบาท ส่วนผู้กำกับอ๊อฟ แซง แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ที่ 42 ล้านบาท)

แชมป์เก่าสัปดาห์ก่อนอย่าง Venom โดนอิทธิฤทธิ์เจ้าแม่นาคีเบียดร่วงลงมาอยู่อันดับสอง เก็บเงินไปอีก 18.87 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนถึง 73% เลยทีเดียว! ถือว่าร่วงลงมาแรงกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ในรอบปีนี้อยู่พอสมควร (อย่างสามหนังฮีโร่มาร์เวลของปีนี้อย่าง Black Panther, Avengers: Infinity War และ Ant-Man and the Wasp ก็ไม่มีเรื่องไหนทำเงินร่วงจากสัปดาห์แรกเกิน 70% หรือที่ใกล้เคียงกันมากอย่าง Deadpool 2 ก็ยังอุตส่าห์ทำเงินลดลงจากสัปดาห์แรก น้อยกว่าเฉือนไปแค่เปอร์เซ็นต์เดียว! ที่ 72%) แต่อย่างน้อยๆ หนังก็ใช้เวลาเพียง 8 วัน ทำเงินทะลุหลัก 100 ล้านเป็นเรื่องที่ 8 ของปีนี้ได้สำเร็จ (เร็วเป็นอันดับ 4 ของปีนี้) และเข้าสู่ Top 10 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้แบบไม่ยากเย็นนัก (ล่าสุดขึ้นมาหยุดอยู่ที่อันดับ 8 ตามหลัง Deadpool 2 ไม่ไกลแล้ว ที่ 124 ล้านบาท) แต่คงต้องลุ้นกันอีกซักพักใหญ่ ว่าหนังจะคว้าตำแหน่งทำเงินสูงสุดในบ้านเราของหนุ่มทอม ฮาร์ดี้ได้หรือไม่ (ยังตามหลัง The Dark Knight Rises อยู่พอสมควร ที่ 133 ล้านบาท)
หนังใหม่อีกสองเรื่องที่กระโดดเข้า Top 5 มาได้ในสัปดาห์นี้ มีทั้งอนิเมะหนังโรงภาคล่าสุดของเจ้าหุ่นยนต์แมวเหมียวสีฟ้าต้อนรับปิดเทอมอย่าง Doraemon the Movie: Nobita’s Treasure Island เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 6.26 ล้านบาท นอกจากจะขึ้นแท่นเป็นหนังญี่ปุ่นเปิดตัวสูงสุดในบ้านเราปีนี้สมราคาพี่’ม่อนแล้ว (รับไม้ต่อสถิติเดิมจาก Doraemon the Movie ภาคที่แล้ว อย่าง Great Adventure in the Antarctic Kachi Kochi เปิดตัวช่วงปิดเทอมเดือนมีนาไป 4 ล้านบาท) ยังเกือบจะได้เป็นหนังเอเชียเปิดตัวสูงสุดในบ้านเราปีนี้อีกด้วย (ตามหลังภาคต่อไซอิ๋ว The Monkey King 3 ไปแค่แสนกว่าๆ เท่านั้น ที่ 6.4 ล้านบาท) รวมไปถึงทำสถิติเป็นอนิเมะหนังโรงฉบับสองมิติของโดราเอม่อน ภาคที่เปิดตัวสูงที่สุดตลอดกาลในบ้านเราอีกด้วย! (เอาชนะเจ้าของสถิติเดิมอย่าง New Nobita’s Great Demon—Peko and the Exploration Party of Five ที่ 6 ล้านบาทเมื่อสี่ปีก่อนลงได้สำเร็จ!) แต่ถ้ารวมภาคพิเศษเวอร์ชั่นการ์ตูนสามมิติ อย่าง Stand by Me Doraemon ก็ยังคงเป็นรองเรื่องนี้อยู่เรื่องเดียว และตามหลังอยู่พอสมควร (เคยเปิดตัวเอาไว้ถึง 13 ล้านบาท!)
อีกหนึ่งเรื่องอย่าง ชายผู้เหยียบดวงจันทร์คนแรกตามชื่อเรื่อง First Man เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 4.92 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ไม่ได้มีความหวือหวาซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในกลุ่มหนังที่เกี่ยวกับนักบินอวกาศหลายๆ เรื่องในบ้านเราที่อาจจะอาจจะได้เปรียบกว่าตรงที่เล่นกับกับเนื้อเรื่องเสริมจินตนาการในส่วนที่มนุษย์ยุคปัจจุบันยังทำไม่ได้ (อย่างหนังเดินทางสู่ดาวอังคารอย่าง The Martian เคยเปิดตัวในบ้านเราไปถึง 21 ล้านบาท หรือหนังตะลุยอวกาศของผู้กำกับขวัญใจคอหนังคริสโตเฟอร์ โนแลน อย่าง Interstellar ก็เคยเปิดตัวไปถึง 20 ล้านบาทเช่นกัน) รวมไปถึงทำเงินเปิดตัวน้อยกว่าหนังที่ร่วมงานกันเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับเดเมี่ยน ชาเซลล์ และนักแสดงหนุ่มไรอัน กอสลิ่ง อย่าง La La Land อีกด้วย (เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกหลังฉายรอบพิเศษสองสัปดาห์ไป 10 ล้านบาท)
หนังเก่าสุดเซอร์ไพรส์ประจำสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นหนังที่ยังคงเฉิดฉายแม้จะได้โรงไปน้อยมาก อย่าง A Star Is Born เก็บเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 2.11 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนแค่ 16% เท่านั้น!! เทียบกับหนังที่เปิดตัวเกินหลักล้านบาทในสัปดาห์แรกด้วยกัน หนังถือว่าทำเงินลดลงจากสัปดาห์แรกน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้เลยทีเดียว (ตามหลัง The Shape of Water และ Midnight Sun ที่ทำเงินเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์แรกกันทั้งคู่) รวมไปถึงใช้เวลาไม่นานในการแซงหนังภาคต่ออย่าง Sin City: A Dame to Kill For (ปิดรายได้ไป 3 ล้านบาท) ขึ้นเป็นหนังทำเงินสูงสุดในบ้านเราของนักร้องสาวเลดี้กาก้าอีกด้วย
การมาของนาคี ๒ ช่วยให้ Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินทะลุหลักร้อยล้านได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนเลยทีเดียว! (นับตั้งแต่ Jurassic Wolrd: Fallen Kingdom เปิดตัวในระดับเกินร้อยล้านไปเมื่อต้นเดือนมิถุนาที่ผ่านมา) เก็บเงินรวมกันไปถึง 107 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อน 25% (85 ล้านบาท)
และเพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันในปีก่อนมากถึง 299%!!! (26 ล้านบาท)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังไซไฟมหันตภัย Geostorm ครองแชมป์ต่ออีกสมัย ด้วยรายได้ลดลงไม่ถึงครึ่งจากสัปดาห์แรก ที่ 13 ล้านบาท (โดยมีหนังหลอนรีเมค Flatliner เปิดตัวตามมาแบบห่างๆ ที่ 5 ล้านบาท)