สุดสัปดาห์นี้ได้เวลาหนังภาคแยกของอภิมหาวายร้ายจากจักรวาล “ไอ้แมงมุม” อย่าง Venom ออกอาละวาดกวาดเงินจากคนดูจนคว้าแชมป์ไปตามคาด แต่ด้วยรายได้เปิดตัวที่ค่อนข้างสูงเกินคาดถึง 70 ล้านบาทเลยทีเดียว (รวมรอบพิเศษด้วยเก็บเงินรวมไปทั้งสิ้น 70.21 ล้านบาท) ถือว่าสูงมากทีเดียวสำหรับหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อในบ้านเรา นอกจากจะเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อในรอบปีนี้ (เป็นรองซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลสุดฮิตอย่าง Black Panther เคยสร้างความฮือฮาเอาไว้ตอนช่วงต้นปีที่ 77 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น) หนังยังไต่ขึ้นไปถึง Top 5 หนังเปิดตัวสูงสุดของปีนี้ (หยุดอยู่ที่อันดับ 5 ตามหลังภาคต่อสายลับ Mission: Impossible – Fallout แค่ล้านนิดๆ)

ส่วนในกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เข้าฉายในบ้านเรา นอกจากจะแซงหนังฮีโร่ภาคต่อหลายเรื่อง ขึ้นมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่เปิดตัวสูงอันดับ 3 ของปีนี้แบบเกินคาด (ตามหลังสองหนังฮีโร่มาร์เวลอย่างรวมพลฮีโร่แทบยกค่าย Avengers: Infinity War และ Black Panther เจ้าเก่า) หนังยังได้อันดับ 3 ในกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโร่ฉายเดี่ยวภาคแรกเปิดตัวสูงสุดด้วยเช่นกัน (เป็นรองฮีโร่สุดกวนอย่าง Deadpool ที่ 81 ล้านบาท และ Black Panther เจ้าเก่า) หรือถ้าลองนำมาเทียบกับหนังตระกูล “ไอ้แมงมุม” ที่ทำเงินฮอตฮิตในบ้านเรามาตลอด (เปิดตัวในบ้านเราเกินหลัก 50 ล้านทุกตอน) เวน่อมขาโหดของเราก็ยังสามารถป่วนไอ้แมงมุมด้วยการแทรกตัวเข้ามาอยู่อันดับตรงกลางตารางพอดีเด๊ะ! (อันดับที่ 4 จาก 7 อันดับ) ด้านพระเอกหนุ่มทอม ฮาร์ดี้ นอกจากจะกลายเป็นพระเอกหนังทำเงินระดับบล็อกบัสเตอร์เรื่องแรกในบ้านเราเสียที ยังได้หนังเปิดตัวสูงสุดในเครดิตของเขาเรื่องใหม่ แทนที่ The Dark Knight Rises ที่เป็นสถิติของเจ้าตัวมาอย่างยาวนานถึง 6 ปีอีกด้วย (เปิดตัวเอาไว้ที่ 56 ล้านบาท)

โดนซัดร่วงลงมาอยู่อันดับสอง กับแชมป์เก่าสายลับลับจอมป่วน Johnny English Strikes Again ที่โดนเฮียเวน่อมขาใหญ่ไล่บี้ซะหนัก เก็บรายรับสัปดาห์นี้ไปอีก 6.23 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนเกือบ 70% เลยทีเดียว! ถือว่าอาการหนักพอดูเมื่อเทียบกับสองภาคก่อนหน้าที่ทำเงินสัปดาห์ที่สองลดลงจากสัปดาห์แรกในระดับ 50% เหมือนกันทั้งคู่ (แต่ส่วนหนึ่งเพราะสองภาคก่อนไม่ต้องชนกับหนังฟอร์มโตในสัปดาห์ที่สองเหมือนที่ภาคสามเจอ) ส่วนรายได้สองสัปดาห์ของหนังเก็บไป 33.6 ล้านบาท นอกจากจะตามหลังภาคสองร่วมสิบล้าน (49 ล้านบาท) ยังนำหน้าภาคแรก(ที่เปิดตัวสัปดาห์แรกได้น้อยกว่า)แค่ไม่กี่ล้านเท่านั้น ทำให้ความหวังที่หนังจะทำเงินเกิน 50 ล้านน่าจะหมดลงไปแล้ว รวมไปถึงอันดับในกลุ่มหนังซีรี่ย์อิงลิชด้วยกันก็เริ่มน่าเป็นห่วงว่าท้ายที่สุดแล้วหนังจะจบอยู่ที่อันดับสุดท้ายของกลุ่มหรือไม่
หนังไทยสุดฮิตอย่าง ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก ยังคงเกาะอันดับใน Top 3 เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะเข้าฉายมาแล้วถึง 4 สัปดาห์แล้วก็ตาม แถมเพิ่งจะเป็นหนังไทยเรื่องที่สองของปีนี้เท่านั้น ที่สามารถเกาะอันดับอยู่ใน Top 3 ประจำสัปดาห์ได้ติดต่อกันสี่สัปดาห์ขึ้นไป (เรื่องก่อนหน้าคือหนังไทยสุดฮิตอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก เคยอยู่ใน Top 3 อย่างยาวนานถึง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน) รวมไปถึงรายได้สัปดาห์นี้ที่แม้จะได้รับผลกระทบจากหนังเต็งฟอร์มโตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงแบบหลายๆ เรื่อง โดยเก็บเงินสัปดาห์ที่สี่ไปอีก 2.7 ล้านบาท (ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 59%) ถือเป็นรายได้สัปดาห์ที่สี่ในกลุ่มหนังไทย สูงเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ (ตามหลัง น้อง.พี่.ที่รัก และ 9 ศาสตรา เพียงสองเรื่อง) ส่วนรายได้รวมสี่สัปดาห์ที่เก็บรวมไปแล้ว 65.29 ล้านบาทนั้น อันดับในรอบปีนี้คงไม่เหลืออะไรให้ต้องลุ้นแล้ว นอกเสียจากว่าหนังจะทำเงินทะลุ 70 ล้านได้หรือไม่เท่านั้นแหละ
หนังใหม่อีกหนึ่งเรื่องเปิดตัวเข้ามาในอันดับที่ 4 กับหนังรีเมคกระแสดี อย่าง A Star Is Born เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไป 2.52 ล้านบาท อาจจะดูเป็นตัวเลขที่ไม่เยอะ แต่สำหรับหนังที่เข้าฉายแบบวงจำกัดถือว่าทำได้ดีมากทีเดียว โดยรายได้เฉลี่ยต่อโรงของหนังเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ที่เปิดตัวสัปดาห์แรกในระดับเกินสิบโรง แต่ไม่ถึงยี่สิบโรง หนังเป็นรองเพียงหนังดีกรีภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์เรื่องล่าสุดอย่าง The Shape of Water แค่เรื่องเดียวเท่านั้น (เคยเก็บเงินจากวงจำกัดในสัปดาห์แรกไป 4 ล้านบาทและทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงอันดับต้นๆ ของปีนี้ถึง 2.7 แสนบาท) ส่วนในกลุ่มหนังที่เกี่ยวข้องกับเพลงในปีนี้ ใกล้เคียงที่สุดก็คงหนีไม่พ้นภาคต่อของหนังเพลงสุดฮิต(ที่ห่างจากภาคแรกถึงสิบปี!) อย่าง Mamma Mia! Here We Go Again เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไปพอๆ กันที่ 2 ล้านบาท จากโรงฉายที่มากกว่ากันเกินเท่าตัว ขณะที่ในเครดิตของสองคู่พระ-นาง อย่างพระหนุ่ม(ควบกำกับ)แบรดลีย์ คูเปอร์ ที่หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่เปิดตัวสูงสุดในรอบสามปีของเขาเลยทีเดียว (นับตั้งแต่หนังชีวประวัติสุดฮิตในบ้านเกิดอย่าง American Sniper เคยเปิดตัวในบ้านเราไป 13 ล้านบาท หากไม่นับสองหนังฮีโร่มาร์เวลที่เขามาเฉพาะเสียงพากย์อย่าง Guardians of the Galaxy Vol. 2 และ Avengers: Infinity War ซึ่งเปิดตัวในบ้านเราเกินเกินหลัก 50 ล้านบาทกันทั้งคู่) และนักร้องสาวเลดี้กาก้าที่ได้หนังเปิดตัวสูงสุดในเครดิตของเธอไปแบบไม่ยากเย็น (เอาชนะหนังภาคต่อ Sin City 2 ที่เธอร่วมแสดงด้วยในบทเล็กๆ เปิดตัวในบ้านเราไป 1.8 ล้านบาท)
ส่วนหนังเก่าๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่รายได้พากันร่วงแรงอยู่พอสมควร (อย่าง The House with a Clock in Its Walls และ The Pool นรก 6 เมตร ทำเงินลดลงจากสัปดาห์ก่อน 78% และ 74% ตามลำดับ ส่วน Hell Fest ทำเงินลดลงจากสัปดาห์แรก 74%) มีเพียงสองเรื่องเท่านั้นที่ทำเงินลดลงไม่ถึงครึ่ง แถมหนึ่งในนั้นลดน้อยในระดับหัวตารางอันดับต้นๆ ของปีนี้เลยทีเดียว นั่นก็คือหนังทุนต่ำกระแสแรงจากแดนปลาดิบอย่าง One Cut of the Dead ที่ตอนนี้กระแสเริ่มจะติดลม เก็บเงินสัปดาห์ที่สองไปอีก 7.5 แสนบาท ลดลงจากสัปดาห์แรกเพียง 12% เท่านั้น!! ถือเป็น % ลดลงจากสัปดาห์แรกน้อยเป็นอันดับ 6 ของปีนี้เลยทีเดียว แถมรายได้รวมสองสัปดาห์ที่ 2.22 ล้านบาท พาหนังไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 4 หนังญี่ปุ่นทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ได้แล้วนะเออ (และใกล้จะแซงหนังขวัญใจของใครหลายๆ คนอย่าง Tonight, At Romance Theater ที่นำอยู่เพียงแสนเดียว ขึ้นเป็นหนังคนแสดงญี่ปุ่นทำเงินสูงสุดในบ้านเราปีนี้อีกด้วย!)
ส่วนอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเงินลดลงไม่ถึงครึ่งในสัปดาห์นี้ก็คือหนังแอนิเมชั่น Luis and The Aliens ที่น่าจะได้อานิสงค์จากช่วงปิดเทอมช่วยไว้พอสมควร เลยทำเงินลดลงจากสัปดาห์ก่อนไปเพียง 39% เท่านั้น
และหนังใหม่เปิดตัวปิดท้าย Top 10 อย่าง Rolling to You เปิดตัวสัปดาห์แรกไป 1.2 แสนบาท สูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มหนังพูดภาษาฝรั่งเศสปีนี้
Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไป 85 ล้านบาท (รายได้ของ Venom เรื่องเดียวก็กวาดเงินไปมากกว่า 81% ของทั้ง Top 10 รวมกันแล้ว!)
เพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อนถึง 100%!! (42 ล้านบาท)
และเพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันในปีก่อนไปถึง 105%!! (41 ล้านบาท)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่หนังไซไฟมหันตภัย Geostorm ขึ้นครองแชมป์ตามคาด แต่ด้วยรายได้เปิดตัวที่ไม่ได้อลังการมากนัก ที่ 21 ล้านบาท