สุดสัปดาห์นี้ถึงเวลาของหนังภาคต่อสายลับ-สายป่วงฟอร์มเต็งอย่าง Johnny English Strikes Again กลับมาเรียกเสียงฮาและทวงบัลลังก์แชมป์ในบ้านเราได้อีกครั้ง ด้วยรายได้เปิดตัว 19.47 ล้านบาท ซึ่งก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจอยู่ แม้จะไม่ค่อยหวือหวา หรือถึงระดับสร้างสถิติใหม่ๆ แบบที่ภาคที่แล้วเคยทำได้ก็ตาม (อาจจะเป็นเพราะหนังเว้นช่วงจากภาคที่แล้วนานโขอยู่) อย่างในปีนี้ นอกจากหนังจะเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มหนังแอ็กชั่น-คอมเมดี้ด้วยกัน (เป็นรองแค่ภาคต่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์อย่าง Deadpool 2 ที่กวาดเงินสุดสัปดาห์แรกไปถึง 54 ล้านบาทเพียงเรื่องเดียว) หนังยังเปิดตัวสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มหนังสายลับในปีนี้อีกด้วย (เป็นรองหนังภาคต่อฟอร์มยักษ์อีกเช่นกันอย่าง Mission: Impossible – Fallout เปิดตัวไปแบบถล่มทลายถึง 71 ล้านบาท) ส่วนในเครดิตของนักแสดงตลกที่แค่เห็นหน้าก็ฮาแล้วอย่างเฮียโรแวน แอทคินสัน ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่หนังไม่สามารถล้มสถิติเดิมของสายลับอิงลิชภาคที่แล้ว (แต่ห่างกันถึง 7 ปี!) อย่าง Johnny English Reborn ลงได้ เพราะตามหลังอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก (เคยเปิดตัวเอาไว้ในระดับสถิติหนังแอ็กชั่น-คอมเมดี้ฝรั่งในบ้านเราสมัยนั้นเลยทีเดียว ที่ 25 ล้านบาท)

อีกหนึ่งหนังฮาแต่ขยับมาเป็นฟากหนังไทยอย่าง ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก ยังคงอยู่ที่เดิมในอันดับ 2 เก็บเงินสุดสัปดาห์นี้ไปอีก 6.56 ล้านบาท ถือว่าได้รับผลกระทบจากการมาของหนังฮาฟอร์มเต็งอย่างสายลับอิงลิชอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากมายจนน่าวิตก (รายได้ลดลงจากสัปดาห์ก่อนเกินครึ่งมาไม่มาก ที่ 56%) เพราะขนาดตกลงมาเกินครึ่ง รายได้สุดสัปดาห์ที่ 3 ของหนังยังถึงขนาดอยู่ในระดับติด Top 10 รายได้สุดสัปดาห์ที่ 3 สูงสุดของปีนี้ได้อยู่เลย! (อยู่อันดับที่ 8 ตามหลังอีก 7 เรื่องที่เป็นหนังระดับร้อยล้านกันทั้งนั้น!) และเมื่อเทียบในกลุ่มหนังไทยด้วยกัน ก็ตามหลังเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหนังฮิตอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก เจ้าเก่า แต่เริ่มจะตามกันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว เพราะห่างจากน้องพี่ไปแค่สองล้านนิดๆ เท่านั้น (ทำเอาไว้ที่ 8 ล้านบาท) ส่วนรายได้รวมสามสัปดาห์ของหนัง หวิดทะลุหลัก 60 ล้านไปแค่นิดเดียว ซึ่งอันดับในรอบปีนี้ในกลุ่มหนังไทยคงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันแล้วล่ะ หลังจากที่หนังแซง 9 ศาสตรา (52 ล้านบาท) ขึ้นมาเป็นหนังไทยอันดับ 2 ของปีนี้ได้แล้ว แต่ตามหลังหนังร้อยล้าน น้อง.พี่.ที่รัก อยู่อีกไกลโข (เกินเท่าตัวเลยด้วยซ้ำ!) ขณะที่ Top 10 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ ต้องทำเงินไม่ต่ำกว่า 85 ล้านบาทถึงจะมีลุ้นทะลุขึ้นไปได้ อาจจะลุ้นยากหน่อย จากโปรแกรมของหนังที่กำลังจะต้องเจอกับของหนักในสัปดาห์ถัดๆ ไปนี้
สองหนังเก่าสัปดาห์ก่อนอย่างแชมป์เก่า The House with a Clock in Its Walls และหนังไทยเต็งลุ้นแชมป์อย่าง The Pool นรก 6 เมตร ควงคู่ร่วงลงมาด้วยกัน กับรายรับสัปดาห์นี้ที่เก็บไปอีก 5.81 และ 4.29 ล้านบาท ตามลำดับ รูดลงมาจากสัปดาห์ก่อนค่อนข้างแรงด้วยกันทั้งคู่ (-61% และ -69% ตามลำดับ) โดยฝั่งบ้านหลอน นอกจากรายได้สองสัปดาห์ (26.89 ล้านบาท) จะตามหลังรายได้สองสัปดาห์ของหนังแฟนตาซีดัดแปลงจากวรรณกรรม(แต่ฟอร์มใหญ่กว่า)เรื่องก่อนที่ใกล้เคียงกันอย่าง Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children อยู่ไกลพอสมควร (เรื่องหลังทำเงินสองสัปดาห์ไป 47 ล้านบาท) ยังตามหลังหนังแฟนตาซีอีกเรื่องของเฮียแจ็ค แบล็คอย่าง Goosebumps ด้วยเช่นกัน (เก็บเงินสองสัปดากห์ได้มากกว่านิดหน่อย ที่ 27 ล้านบาท ซึ่งได้อานิสงค์จากช่วงหยุดยาวปีใหม่มาช่วย) ส่วนฝั่งหนุ่มสาวติดก้นสระกับจระเข้ (เก็บเงินสองสัปดาห์ไป 23.69 ล้านบาท) หลังจากที่ขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของค่าย TMoment ได้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า (แซง App War แอปชยแอป ที่ 18 ล้านบาท) หนังก็ถึงเวลาไต่เข้าสู่ Top 5 หนังไทยทำเงินสูงสุดในรอบปีนี้เสียที (มาอยู่อันดับ 5 แทนที่ ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2 Part 1 ที่ 22 ล้านบาทอย่างไม่ยากเย็น)
ส่วนหนังใหม่ใน Top 10 เรื่องอื่นๆ สัปดาห์นี้มากันหลากหลายแนว หลายสัญชาติ ประกอบไปด้วยหนังสวนสนุกเลือดสาด Hell Fest เปิดตัวสัปดาห์แรกไป 2.92 ล้านบาท ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างโอเคสำหรับในกลุ่มหนังเชือดด้วยกัน ที่ใกล้เคียงที่สุดในปีนี้เห็นจะเป็นภาคต่อของหนังฮิตในอดีตอย่าง The Strangers: Prey at Night ที่กระแสแผ่วลงไปพอสมควร เลยเปิดตัวในบ้านเราไปเพียงล้านกว่าๆ เท่านั้น
อีกหนึ่งหนังใหม่ที่ทำได้ค่อนข้างเกินคาดพอสมควร อย่างหนังฟอร์มเล็ก แต่รีวิวดีจากแดนปลาดิบ One Cut of the Dead กระโดดขึ้นมาถึงกลางตารางด้วยรายได้เปิดตัว 8.6 แสนบาท อาจจะเป็นตัวเลขที่ดูไม่ได้มากมายอะไร (ไม่ถึงหลักล้านด้วยซ้ำ) แต่ถือว่าทำได้ดีทีเดียวสำหรับหนังที่จำนวนโรงค่อนข้างจำกัด (ไม่ถึง 30 โรง) แถมในกลุ่มหนังญี่ปุ่นในรอบปีนี้ หนังสามารถฝ่าหลายเรื่องที่กระแสและฟอร์มดีกว่า ขึ้นมาถึง Top 5 หนังญี่ปุ่นเปิดตัวสูงสุดในบ้านเราปีนี้ได้หน้าตาเฉย! (ตามหลังสามอนิเมะหนังโรง Doraemon the Movie 2017, Detective Conan: Zero the Enforcer, No Game No Life: Zero และหนังคนแสดงชวนเหวอ When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead ที่ต่างก็เปิดตัวเกินหลักล้านกันขึ้นไปทั้งนั้น)
หนังสัตว์ประหลาดย้อนยุคจากแดนกิมจิอย่าง Monstrum เปิดตัวไปที่ 7.2 แสนบาท ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังสูงในระดับ Top 3 หนังเกาหลีเปิดตัวสูงสุดในบ้านเราประจำปีนี้อีกเช่นกัน (ตามหลังหนังภาคต่อฟอร์มยักษ์ Along with the Gods: The Last 49 Days และหนังรีเมค Be With You ที่เปิดตัวเกินหลักล้านด้วยกันทั้งคู่)
และหนังแอนิเมชั่นจากฝั่งยุโรปอย่าง Luis and The Aliens เปิดตัวต้อนรับปิดเทอมไปที่ 6.5 แสนบาท ถือว่าทำได้น้อยกว่าอีกหนึ่งแอนิเมชั่นจากฝั่งยุโรปอย่าง Monster Family ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงปิดเทอมหน้าร้อนอยู่พอสมควร (แม้จะไม่ใช่ตัวเลขมากมายก็ตาม ที่ 1.3 ล้านบาท)
ส่วนหนังเก่าใน Top 10 มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำเงินลดลงจากสัปดาห์ก่อนไม่ถึงครึ่ง นั่นก็คือหนังหลอนหลากตอน อย่าง Ghost Stories ที่เก็บเิงนไปอีก 7.1 แสนบาท ทำเงินลดลงจากสัปดาห์ก่อนไปเพียง 42% เท่านั้น
Top 10 สุดสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกันไป 42 ล้านบาท
ลดลงจาก Top 10 สุดสัปดาห์ก่อนไป 19% (53 ล้านบาท)
แต่เพิ่มขึ้นจาก Top 10 สุดสัปดาห์เดียวกันในปีก่อนไป 34% (31 ล้านบาท)
ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่ภาคต่อของหนังไซไฟระดับตำนานอย่าง Blade Runner 2049 ขึ้นแท่นเป็นแชมป์ เ้วยรายได้เปิดตัวที่อาจจะไม่ค่อยหวือหวามากนัก ที่ 15 ล้านบาท